รีวิวโดนใจ >> The SpeakEasy Rooftop Bar สวีทหวานชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืน @ Hotel Muse Bangkok

speakeasy_045

The SpeakEasy Rooftop Bar เป็นห้องอาหารบนดาดฟ้าชั้น 25 ของ Hotel Muse Bangkok ความสูงกำลังดี จะเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืนแบบ 360 องศา ราคาอาหารเริ่มต้นไม่แพงมาก รสชาติโอเคเลย เครื่องดื่มให้เลือกก็หลากหลายดีค่ะ 

The SpeakEasy Rooftop Bar @ Hotel Muse Bangkok

ที่อยู่: Hotel Muse Bangkok, ชั้น  24- 25 ซอยหลังสวน, ลุมพินี, ปทุมวัน กรุงเทพ
เปิดทำการ :17:30–0:00
โทรศัพท์: 02 630 4000
Facebookhttps://www.facebook.com/hotelmusebkk

speakeasy_001

มาถึงแล้วเลี้ยวไปหาที่จอดรถกันก่อนเลยค่ะ ครั้งนี้ (11/2/2017) ออฟไปถึงประมาณห้าโมงครึ่งกว่าๆ ฟ้ายังสว่างอยู่เลย แต่ด้วยความที่อยากมาถ่ายรูปทั้งอาหาร และบรรยากาศก่อนค่ำ จนถึงมืด เลยมาเร็วไว้ก่อนค่ะ แถมครั้งนี้ใช้โปรโมชั่นลดค่าอาหาร 50% ของ Eatigo ด้วยยิ่งสบายเลย

speakeasy_002

ต้องว่าร้องว้าวมาตั้งแต่เข้ามาด้านในโรงแรมแล้วค่ะ ที่นี่เค้าตกแต่งงานละเอียดจริงๆ Detail ทุกจุด แม้กระทั่งในลิฟต์หรือห้องน้ำก็ไม่เว้น เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 24 แล้ว แจ้งพนักงานเรียบร้อยเค้าก็เปิดทางขึ้นไปชั้น 25 ให้เราเดินขึ้นไปค่ะ ทางเข้านี่มันเหมือนเป็นภาพว่าซ่อนทางขึ้นเอาไว้เลย
speakeasy_006 speakeasy_034

บรรยากาศด้านบนก็ไม่ผิดหวังค่ะ ที่นั่งมีหลายโซนไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่ม มาเดทเป็นคู่ หรืออยากจะหาห้องส่วนตัวเค้าก็ตอบโจทย์หมดค่ะ โต๊ะจัดไม่ชิดกันมาก มีพื้นที่ความเป็นส่วนตัวดี เก้าอี้นั่งสบายมีหมอนให้พิงชิลล์ๆด้วย

speakeasy_031พอฟ้าเริ่มมืดแล้วเพลงที่เค้าเปิดคลอๆ ก็ดูจะมันส์ขึ้นค่ะ แสงไฟจากตึกล้อมรอบอยู่ค่อยๆ ทยอยเปิดกันเรื่อยๆ เลย
speakeasy_027

มุมเด็ดประจำที่นี่เห็นจะเป็นมุมนี้ค่ะ ถ้ามันกันสองคนก็ต้องจองไว้ล่วงหน้า หรือถ้ามาเร็วแบบออฟก็จะโชคดีได้ที่นั่งตรงนี้ ซิ่งจะเป็นที่นั่งมองออกไปด้านนอกเห็นวิวมุมสูง แต่ติดตรงเสาที่มันกั้นอยู่หน่อยนี่แหละค่ะ ถ้าเปลี่ยนเป็นกระจกใสจะเริ่ดมาก

speakeasy_044

สำหรับเมนูของที่นี่จะมาสไตล์หนังสือพิมพ์ค่ะ โดยอาหารหลักก็มีครึ่งหน้าตามรูปที่เห็นที่เหลือจะเป็นเครื่องดื่ม และของหวานอีกนิดหน่อยค่ะ

speakeasy_007Garlic Prawns (250 บาท) จานนี้เป็นเมนูโปรดของที่นี่เลยค่ะ เมนูกินเล่นที่ดูคุ้มราคา ด้วยกุ้งตัวโตๆ เนื้อเด้งๆ สดดีแท้ นำมาผัดกระเทียม ความเด็ดคือตัวกุ้งไม่แห้งเกินไปและซอสกระเทียมก็เข้มข้นดีมากค่ะ
speakeasy_008จานนี้เสิร์ฟคู่กับขนมปังกระเทียมกรอบๆ ที่ตัดเนื้อกุ้งพอดีคำแล้วทานคู่กับขนมปังกระเทียมก็เข้ากันมากๆค่ะ หรือจะเอาขนมปังกระเทียมไปปาดก้นกระทะก็เด็ดดีค่ะ
speakeasy_016ต่อด้วยเมนูตัดเลี่ยนอย่าง Yam Salmon (360บาท) กันบ้าง ยำแซลมอนจานนี้ มาเต็มดีทีเดียวค่ะ แซลมอนหั่นเป็นลูกเต๋าคลุกเคล้ากับซอสยำจัดจ้าน เสิร์ฟมาบนกระทงแป้งกรอบ และด้านหลังเป็นผักสลัดสดให้ทานคู่กันค่ะ ออฟกินแซลมอนเพลินมากๆ จานนี้ไม่เผ็ดจัดนะคะ แต่ก็ทำให้ทานได้เรื่อยๆเลย
speakeasy_042มาถึง Main course ที่ไผ่สั่ง Rib Eye (1,350 บาท) สเต็กเนื้อเอาใจ Meat Lover ทั้งหลาย เสิร์ฟมาคู่กับ มันฝรั่งทอด และ Trio sauce ซึ่งประกอบด้วย Creamy pepercorn, peperonata, truffle mayo จริงๆ ครั้งนี้สั่งความสุดระดับ medium ไป แต่ที่ได้มานี่เกือบ well done เลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ก็กินไป โดยรวมจานนี้ถือว่ากลางๆ เนื้อไม่เหนียว แต่สุกมากกว่าที่ชอบทานไปหน่อย ซอสที่ให้มาช่วยเสริมรสชาติได้ดีมากๆ
speakeasy_043

สำหรับอาหารจานหลักของออฟสั่ง Triple B (Babettle’s Best Burger) (450 บาท) เบอร์เกอร์เนื้อที่รวบรวมตัวเด็ดหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเบคอน ชีสเยิ้มๆ เนื้อตรงกลางก็ชิ้นหนามากๆ แต่รู้สึกว่าเนื้อแห้งไปหน่อย ถ้าฉ่ำกว่านี้และปรุงรสชาติให้เข้มกว่านี้อีกหน่อยจะลงตัวมากๆค่ะ  เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด และซอสมะเขือเทศ

speakeasy_010 speakeasy_023

speakeasy_024หลังจากทานจนเริ่มอิ่มแล้วก็มานั่งกินบรรยากาศกันบ้างค่ะ วันนี้ลมพัดเรื่อยๆ ไม่อ้าวมาก ทางร้านมีพัดลมช่วยเสริมให้ด้วย ตึกระฟ้าและแสงสีรอบๆก็ค่อยๆสว่างขึ้นตามลำดับค่ะ

speakeasy_037 speakeasy_038

เมื่ออิ่มแล้วก็มาถึงเครื่องดื่มกันบ้างค่ะ ออฟกับไผ่ไม่ใช่คอแอลกอฮอล์กันเท่าไหร่ แถมวันที่ไปเป็นวันมาฆบูชา เค้าไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ก็เลยสั่ง Mocktail มาลองแทนค่ะ แก้วสีใสๆมีมะนาวโปะด้านบนเป็น Light Mogito 200 บาท แก้วนี้ก็กินง่ายค่ะ คล้ายโซดาใส่มะนวาและมิ้นต์ ส่วนแก้วสีส้มนี่เป็น Fruit Punch จะมีรสชาติผลไม้โดดเด่นกว่า สดชื่นกว่าค่ะ

speakeasy_030

นั่งฟังเพลงที่เค้าเปิดไปเรื่อยๆ พระจันทร์ก็อวดโฉมมาแล้วค่ะ วันพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ ส่องสว่างมากเลย
speakeasy_028

จริงๆ ก็อิ่มแล้วค่ะ แต่เดี่ยวไม่ปิดท้ายด้วยของหวานจะไม่ฟิน เลยสั่ง Crepe Mango Sticky rice 220 บาท มาทานค่ะ จานนี้ต้องชมว่าจัดจานมาได้เก๋มากๆ ทีเด็ดของจานนี้อยู่ที่น้ำกะทิใบเตยสีเขียวนั่นเองค่ะ ตัวข้าวเหนียวอยู่ในแผ่นแป้งเครปก็แปลกๆดี มะม่วงนี่หั่นมาแบบนี้ทีไรชนะเลิศทุกที แบบว่าสวยไปไหน แต่เวลากินนี่ก็อีกเรื่องนึงนะคะ โดยรวมจานนี้กลางๆค่ะ แต่เค้ามีของหวานไม่กี่อย่างเอง ที่เหลือเป็นไอศกรีม ออฟกำลังเจ็บคออยู่เลยไม่ได้สั่ง 

บทสรุป The SpeakEasy Rooftop bar

  • บรรยากาศดีทีเดียว เก้าอี้นั่งสบาย แต่เสียดายนิดนึงตรงเวลานั่งจะมีเสากั้นทำให้เห็นวิวไม่ชัดเท่าไหร่
  • เมนูอาหารมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ แต่เท่าที่ลองทานครั้งนี้โดยรวมใช้ได้เลย แนะนำ Garlic Prawn
  • การบริการที่นี่ทำให้ผิดหวังอย่างมากทีเดียว พนักงานที่ตอบเหมือนไม่เต็มใจ และถามอะไรก็ไม่อธิบาย เรียกก็ค่อยข้างยาก ทำให้รู้สึก Fail กับพนักงานไปเยอะเลยค่ะ ยังดีที่ช่วงหลังมีพนักงานคนใหม่มาดูแล เลยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
  • ราคาอาหารโดยรวม ถือว่าไม่แพงมากสำหรับ Roof top ของโรงแรมค่ะ

ข้อมูลทั่วไป The SpeakEasy Rooftop bar @ Hotel Muse Bangkok

ที่อยู่: Hotel Muse Bangkok, ชั้น  24- 25 ซอยหลังสวน, ลุมพินี, ปทุมวัน กรุงเทพ
เปิดทำการ :17:30–0:00
โทรศัพท์: 02 630 4000
Facebookhttps://www.facebook.com/hotelmusebkk
การเดินทาง : ถ้ามา BTS ให้ลงสถานีชิดลม แล้วเดินเข้า ถ.หลังสวน ประมาณ 600 เมตร Hotel Muse อยู่ซ้ายมือ แต่ออฟว่าเอารถมาก็สะดวกดีค่ะ มีที่จอดในโรงแรมเลย

Leave a comment