รีวิวโดนใจ >> Salt : ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น ระหว่างอิตาเลี่ยนและญี่ปุ่น ที่ซอยอารีย์ 4

Salt_ari_001

หลังจากที่อยู่ออกจากออฟฟิตในช่วงเวลาเกือบสองทุ่มแล้วนั้น ก็ตัดสินใจหาร้านอาหารปิดฉากวันทำงานของสัปดาห์ด้วยการไปสุ่มร้านอาหารที่ซอยอารีย์กับไผ่ และจิโรจ โดยงานนี้ไม่มีการหาข้อมูลใดๆ มาก่อนเลยค่ะ แบบว่ากะว่าเจอร้านไหนถูกใจก็เข้าไปเลย พอจอดรถเรียบร้อยแล้วก็มีตัวเลือกอยู่ระหว่างร้าน “Sofa so good” กับร้าน Salt ที่ขับรถผ่านแล้วดูท่าจะน่าไปลิ้มลอง แต่เนื่องจากว่าจากที่จอดรถนั้นเดินมาเจอร้าน Salt นี่ก่อน แถมร้าน Sofa so good ก็เป็นร้านที่ไผ่และจิโรจเคยกินมาแล้วด้วย ก็เลยเลือกร้าน Salt เป็นร้านอาหารที่จะท้าความโดนใจในค่ำคืนนี้ค่ะ

บรรยากาศของร้าน Salt

Salt_ari_004

ตัวร้าน Salt นี่ต้องบอกว่าเป็นร้านอาหารที่ใหญ่มากพอสมควรเลยทีเดียว มีทั้งส่วนที่เป็นห้องแอร์ และ Outdoor  เท่าที่มองผ่านๆ น่าจะมีถึง 30 โต๊ะ หรืออาจจะมากกว่านั้น ออฟเลือกนั่งในห้องแอร์ เพราะคิดว่าด้านนอกอาจจะมีโต๊ะที่เค้าสูบบุหรี่ และก็ไม่อยากเจออากาศร้อนๆ ด้วย ในห้องแอร์นั้นเค้าก็เปิดเพลงค่อนข้างดังเหมือนกันค่ะ ด้านในของห้องเป็นเคาเตอร์สำหรับเครื่องดื่มต่างๆ ตัวร้านตกแต่งแบบอาร์ตๆ ดี คือเสานี่ไม่มีการทาสีอะไรทั้งสิ้น เนื้อปูนชัดๆ แต่ก็มีการใช้สิ่งของต่างๆ มาประดับ

Salt_ari_033

ด้านนอกนี่จะค่อนข้างมืดกว่าด้วย ซึ่งอันนี้มีผลต่อการถ่ายรูปอาหารของออฟนิดหน่อย ถึงแม้ว่ากล้องมันจะเทพมากๆ ก็ตาม แถมยังเสี่ยงยุงกัดด้วยค่ะ แต่คนเค้าก็นั่งข้างนอกกันเยอะเหมือนกัน แล้วก็เห็นมีฉายโปรเจคเตอร์ไปยังตัวบ้านด้วย แต่ดูแล้วน่าจะดูยากๆ อะคะ

เมนูของร้าน Salt

Salt_ari_021

เมนูของร้าน Salt นี่เท่าที่ออฟดูจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ อาหารอิตาเลี่ยน, อาหารญี่ปุ่น, ของหวาน, เครื่องดื่ม ซึ่งเค้าก็มีให้เลือกเยอะมากๆ มากันเป็นเล่มหนาเลยทีเดียว จนออฟได้แต่ถามพนักงานแล้วสั่งอาหารตามที่เค้าแนะนำว่าเด็ดค่ะ

อาหารที่ทานที่ร้าน Salt

ราวิโอลี่เนื้อรากู (Ravioli Beef Ragu) 220

Salt_ari_006

อาหารอิตาเลี่ยนอย่างแรกที่มาเสริฟคืออาหารจานนี้ค่ะ ซึ่งที่สั่งก็เพราะว่าไม่คุ้นเคยกับคำว่า “ราวิโอลี่” และ “เนื้อรากู” ประเด็นคืออยากลองทานอะไรใหม่ๆ นั่นเอง ซึ่งได้ทานนั้นก็พอจะให้คำจำกัดความของ “ราวิโอลี่” ได้ว่ามันเป็นพาสตาชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแป้งแผ่นบางประกบกันและห่อไส้ข้างใน

Salt_ari_007

ส่วนเจ้า Ragu นี่กินแล้วก็เหมือนกับเนื้อวัวนี่แหละค่ะ รสชาติของราวิโอลี่เนื้อรากู จานนี้จะมีความเข้มข้นและกลมกล่อมของส่วนผสมเครื่องเทศที่เด่นๆ เลยก็มีพริกไทยเป็นหลัก ไส้ที่อยู่ข้างในราวิโอลี่นุ่มลิ้มและอร่อยดี การทานชิ้นแป้งนั้นใช้ตะเกียบไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่การมีแค่ตะเกียบอย่างเดียวแต่อยากกินส่วนซอสด้วยนี่มันเศร้าจริงๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดจะขอส้อมอะไรกับเค้าเลยค่ะ ออฟก็ซัดด้วยตะเกียบนี่แหละจนเกลี้ยงจาน

Salt_ari_008

พิซซ่าหน้า Carbonara และ Spicy Italian Sausage 250

Salt_ari_009

ครั้งนี้มากัน 3 คนก็เลยสั่งพิซซ่าขนาด 9 นิ้วซึ่งเค้าหั่นมาให้ 8 ชิ้นด้วยกัน เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบ โดยออฟสั่งเป็นแบบหน้าคาโบนาร่าครึ่งถาด และเป็นสไปซี่ซอสเสสอีกครึ่งถาด

Salt_ari_028

รสชาติของพิซซ่าโดยรวมทั้งโต๊ะออฟทั้งโต๊ะสามารถทานกันได้โดยไม่ต้องขอซอสอะไรเพิ่มเลยค่ะ แต่งานนี้ออฟกับไผ่ใช้มือเลยค่ะ ส่วนจิโรจก็ยังมุ่งมั่นใช้ตะเกียบกินพิซซ่าต่อไปด้วยเหตุผลที่มาถามภายหลังว่าเป็นเพราะยังไม่ได้ล้างมือ = =” แอบรู้สึกว่าตัวเองซกมกยังไงอยู่ แต่ตอนนั้นก็เช็ดมือจากกระดาษทิชชู่ไปบ้างเหมือนกันนะคะ ^ ^

Salt_ari_010

ถ้าถามออฟว่าระหว่างพิซซ่าทั้งสองหน้าชอบแบบไหนมากกว่า ออฟคงต้องบอกว่าจริงๆ มันอร่อยทั้งคู่ คนชอบแฮมก็คงชอบคาโบนาร่ามากกว่า ส่วนคนชอบไส้กรอกก็คงชอบสไปซี่ซอสเสสมากกว่าอะคะ

พาสต้าพาร์มาแฮม (Pasta Parma Ham) 250

Salt_ari_014

สำหรับอาหารพาสต้าจานนี้ออฟได้ลิ้มลองรสชาติของพาร์มาแฮมค่ะ เป็นแฮมที่มีรสชาติเค็มๆ หน่อย เวลาเริ่มกินตอนแรกไผ่แนะนำให้ทานทีละน้อยก่อน แบบว่าไผ่คงคิดว่าถ้าออฟกินเยอะแล้วคายทิ้งคงจะน่าเสียดายของ เอ้ย กลัวออฟกินไม่ได้อะคะ แต่พอลองกินแล้วก็พบว่าทานได้นะคะ แต่อาจจะเป็นเพราะการหมักของแฮมแบบนี้มันดูเข้มข้นไปหน่อยก็เลยคิดว่าทานได้ไม่เยอะคะ่

Salt_ari_030

ด้านล่างของพาร์มาแฮมก็เป็นเส้นสปาเก็ตตี่ผัดกับเห็ด โดยรสชาติของพาสต้าพาร์มาแฮมนี่ก็คล้ายกับราวิโอลี่ ตรงนี้มีพริกไทยและเครื่องเทศเยอะค่ะ

Salt_ari_034

แซนวิชมากิ 250

Salt_ari_016

ปิดท้ายลดการเลี่ยนด้วยการทานอาหารญี่ปุ่นกันบ้างค่ะ ครั้งนี้ก็เลยสั่งแซนวิชมากิ เพราะเค้าแนะนำให้ลอง แต่อาหารจานหลังนี่รอนานมากๆ เลยค่ะ แล้วก็พบกับความเศร้าหน่อยๆ ที่ว่าอาหารที่มาเสริฟเย็นชือหมดแล้ว เอามือจับนี่สัมผัสได้กับความเย็นเลยทีเดียว แถมแผ่นสาหร่ายที่อยู่ตรงกลางก็เหนียวไม่กรอบแล้วด้วยค่ะ

Salt_ari_017

ถ้าตัดความเย็นชืดออกไปนั้นมากิแซนวิชนี่ก็อร่อยดีค่ะ เซตนึงมี 4 ชิ้น ตรงกลางก็มีเครื่องอัดอยู่แน่นเลยทีเดียว น่าเสียดายถ้าไม่เย็นชืดคงจะดีกว่านี้

ใบเสร็จจากร้าน Salt

Salt_ari_018

รวมๆ แล้วกินกันคนละ 340 บาทค่ะ ร้าน Salt นี่ไม่มีค่าบริการ และภาษีซึ่งออฟคิดว่าดีมากๆ ^ ^ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าอาหารส่วนใหญ่นั้นราคาค่อนข้างแพงอยู่แล้ว เรียกได้ว่าจานนึงนี่ 200 up เกือบหมดเลย

Gallery

ข้อมูลทั่วไปของร้าน Salt

ที่อยู่ของร้าน : ซอย อารีย์ 4, พหลโยธิน 7 จ.กรุงเทพมหานคร 10400

Leave a comment