รีวิวโดนใจ >> Korea Trip Day1 : ออกจากกรุงเทพ – ถึงเกาหลี – เที่ยวเกาะนามิ
จุดนัดพบ
ครั้งนี้ตัดสินใจไปเที่ยวเกาหลีกับทัวร์ค่ะ ดังนั้นเราก็ต้องมุ่งหน้าไปที่จุดนัดพบกันก่อนเลย บินด้วย Air Asia-X ดังนั้นเรียกรถไปสนามบินดอนเมืองกันเลย เรียกแท็กซี่ผ่าน Grab Taxi ค่ะครั้งนี้โชคไม่ดีเท่าไหร่ รถค่อนข้างเก่า และขับติดๆดับๆ วิ่งด้วยความเร็ว 80 กม/ชม ดังนั้นเลยต้องพยายามทำใจร่มๆ แล้วนั่งไปจนถึงสนามบินค่ะ
เมื่อมาถึงแล้วก็พบว่าทัวร์ที่เราซื้อไปนั้น เค้าเอาหลายๆกรุ๊ปไปรวมกันค่ะ ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า ป้ายที่จุดนัดพบนั้นจะไม่ใช้ชื่อทัวร์ที่เราซื้อไปแล้ว อย่างออฟซื้อทัวร์จาก eTravalway แต่เค้าให้ไปกับ กด Like เกาหลีค่ะ ดูลาดเลาที่จุดนัดพบกันแล้ว ยังไม่ถึงเวลานัดก็ไปหาที่นั่งกันก่อนค่ะ
เวลาที่จะต้องออกเป็น 01:55 แต่เอาเข้าจริงเครื่องดีเลย์เป็นชั่วโมงเลยค่ะ งานนี้เพลียตั้งแต่เริ่มเลยทีเดียว ง่วงมากๆ แถมที่นั่งรอก็ดูเหมือนจะมีไม่ค่อยพอเท่าไหร่ รอจนไปเข้าห้องน้ำหลายรอบเลยทีเดียว พอขึ้นเครื่องแล้วก็เหมือนดับสวิตช์ไปเลยค่ะ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่ากัปตันพูดอะไร แอร์มาแนะนำอะไร นั่งเข้าที่แล้วหลับยาวเลยค่ะ
ตื่นอีกทีอาหารก็มาเสิร์ฟแล้ว เกาหลีเวลาห่างจากเมืองไทย 2 ชั่วโมง จริงๆ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ก็ต้องกินตามเวลาเค้าค่ะ เมนูเป็นข้าวไก่เทอริยากิ พร้อมน้ำเปล่า 1 ขวด รสชาติกลางๆ พอกินได้
จากนั้นก็ดับเครื่องยาวๆ ไปอีกรอบค่ะ เป็นการเดินทางหกชั่วโมงที่ไม่แม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำเลย
ถึงเกาหลีแล้วค่าาาาา
เนื่องด้วยมากับทัวร์ดังนั้นถึงแม้จะลงจากเครื่องมาแล้วก็ต้องรอให้สมาชิกครบก่อน ทัวร์นี้ถึงเกาหลีตอนเช้า ก็เลยต้องมีการแปรงฟัน เข้าห้องน้ำกันบ้างนะคะ สนามบินอินชอนดูใหม่ใช้ได้ แต่ต้องเดินไปขึ้นรถไฟ 1 สถานีเพื่อไปยังอาคารผู้โดยสารด้วยนะคะ อันนี้ก็เดินตามเค้าไปเรื่อยๆ เลยค่ะ
การผ่านตม.ก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด พอให้ passport ไปเค้าก็มีระบบเป็นภาษาไทยให้เราทำตามเลยค่ะ มองกล้อง วางนิ้ว ของออฟนี่เค้าไม่ถามอะไรเลยก็ให้ผ่านแล้วค่า คิดว่าคนไทยคงไปเที่ยวเยอะมาก เค้ามีสมุดนำเที่ยวที่แจกแบบมีภาษาไทยด้วย อันนี้ก็พกติดตัวไว้ก็ดีนะคะ เผื่อมีเหตุจำเป็น
ทัวร์กรุ๊ปออฟมี 26 คนก็นั่งรถทัวร์คันใหญ่ไปเลย รถยังใหม่ใช้ได้ ขึ้นรถแล้วก็ฟังหัวหน้าทัวร์แนะนำตัวและอธิบายรายละเอียดเบื้องต้นกันหน่อยนะคะ ครั้งนี้จะมีไกด์ชาวเกาหลีที่พูดไทยได้ไปกับคันของออฟด้วย แถมยังมีเด็กหนุ่มเกาหลีหน้าใสมาคอยถ่ายรูปให้ด้วย
กินข้าวเที่ยงกันก่อน
มื้อแรกในเกาหลี ตอนแรกคิดว่าจะไปกินร้านที่น่าประทับใจกว่านี้ แต่การได้ไปกินอาหารที่ที่เหมือนโรงอาหารของร้ายขายของฝากนี่ก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ค่ะ หรือมันจะง่ายกับการพาทัวร์มาลงละมั้งคะ เมนูที่เราต้องทำใจก่อนเลยว่าเจอทุกมื้อที่เกาหลีแน่ๆ ก็คือ กิมจิค่ะ เจอกันตลอดๆเลย เป็นเครื่องเคียงของคนเกาหลีที่เค้าต้องมีทุกมื้อเลยค่ะ
มื้อแรกเป็นชาบู ที่จริงๆ ดูไม่ค่อยชาบูแบบที่เคยกินเท่าไหร่ แถมทางทัวร์ยังมีน้ำจิ้มสุกี้มาให้อีกด้วย อันนี้สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับรสชาติเกาหลีเท่าไหร่ แต่ยังไงก็แนะนำให้ลองทานรสชาติดั้งเดิมก่อนนะคะ ใจความหลักๆในกระทะบนเตาก็มีผัก หมู และวุ้นเส้นค่ะ เท่านั้นจริงๆ พร้อมเครื่องเคียงหลายอย่าง ที่ออฟว่าน่าสนใจกว่าเมนูหลักด้วย
การทานอาหารที่เกาหลีเค้าจะมีช้อนยาวๆ และตะเกียบนะคะ ส่วนจานจะมาเป็นถาดกลมเล็กๆ พร้อมกับกระปุกข้าวค่ะ
เกาะนามิ
กว่าจะนั่งรถมาถึงที่ขึ้นเรือไปเกาะนามิ ก็เกือบบ่ายสามแล้วค่ะ เมื่อเข้าห้องน้ำกันเสร็จแล้ว ซึ่งแนะนำให้เข้าก่อนขึ้นเรือข้ามฟากไปเกาะนามินะคะ เพราะบนเกาะคนจะเยอะมากๆ พอครบคนแล้วก็ไปรอคิวขึ้นเรือกันเลยค่ะ
เรือขนาดใหญ่พอสมควร แนะนำให้เล็งที่ๆที่จะขึ้นไปก่อนเลยก็ดีค่ะ จะได้มุมที่อยากได้ ถ้าฝนไม่ตก ขึ้นไปบนดาดฟ้า หรืออยู่ข้างเรือก็ได้นะคะ ลมเย็นๆ ดี ประมาณ 10 นาทีก็ถึงเกาะค่ะ
ขึ้นเกาะมาแล้วจะเจอความวุ่นวายขั้นสุด ทัวร์ลงเยอะมาก เสียงภาษาไทยล้อมรอบมากๆ คนไทยไปเที่ยวกันเยอะจริงๆ หลังจากนัดหมายเวลากันเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเที่ยวกันเลยค่ะ จุดเที่ยวหลักๆ บนเกาะนามิมีดังนี้
- สุสานนายพลนามิ : ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกาะนี้เลยทีเดียวนะคะ
- รูปปั้นจากเรื่อง Winter Love Song : อันนี้คิวยาวมากๆ ถึงจะได้เก็บรูปได้ เลยขอผ่าน เพราะเวลามีไม่เยอะ แล้วก็ไม่ได้อินกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่
- สวนสน : ตรงจุดนี้จะเป็นทางเดินยาวๆ ไปเลยค่ะ หาที่ถ่ายรูปภาพได้เรื่อยๆ แต่ว่าต้องถ่ายเร็วๆ หน่อยเพราะมีคนเดินผ่านตลอด
กว่าจะหามุมถ่ายรูปกับทิวสนได้นี่ต้องเดินเข้าไปไกลทีเดียวค่ะ เพราะว่าคนจะน้อยกว่ามากเลย
ระหว่างทางจะมีไอเท็มให้คอยเก็บภาพเรื่อยๆนะคะ อย่างตอนที่ไปนี่มีตุ๊กตาแต่ละประเทศด้วย เก๋ๆทีเดียว
- อุโมงค์ต้นไม้เปลี่ยนสี : อันนี้เป็นจุดที่ใช้เวลานานสุดค่ะ มีมุมให้ถ่ายรูปหลายอย่างเลย
- ร้านขายของกินเล่น : มาแล้วก็กินของบนเกาะเค้าหน่อยค่ะ ที่ถูกปากเห็นจะเป็นไส้กรอกค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมี ซาลาเปาไส้ถั่วแดง และซอฟต์ครีมด้วย
จะบอกว่าเวลาเดินไปจากจุดนัดถึงที่ถ่ายรูป แล้วเดินกลับมาก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงนะคะ แต่รอคิวเรือข้ามฟากกลับนี่อนาจกว่านั้นเยอะเลย ยืนรอคิวจนอยากจะปารองเท้าทิ้ง รอนานมากๆๆ อันนี้ทำเอาเมื่อยตั้งแต่วันแรกที่ถึงเกาหลีเลยค่ะ
มื้อเย็น
มื้อเย็นนี่กินดึกทีเดียวค่ะ เพราะว่าต้องนั่งรถมุ่งหน้าไปนอนแถวอุทยานแห่งชาติซอรัคซานด้วย เมนูอาหารเย็นเป็นสไตล์ชาบู หรือสุกี้หม้อไฟเกาหลีค่ะ มาถึงโต๊ะหม้อไฟก็พร้อมแล้วค่ะ
ครั้งนี้เพิ่มรสชาติด้วยการใส่ซอสเข้าไปด้วย แดงเดือดกันไปเลยค่ะ แต่ก็อร่อยเข้มข้นดี
เวลาทานก็เอา สาหร่าย ใส่ข้าว แล้วตักหมูและผักพอดีคำแล้วทานเลยค่ะ อร่อยเข้ากันดีมากๆ
อากาศด้านนอกมีฝนตกเล็กน้อย และเริ่มหนาวนิดหน่อยแล้วด้วย ตัวร้านน่าวังเวงนิดหน่อย ยิ่งทางเดินไปห้องน้ำนี่ยิ่งน่ากลัวใช้ได้เลยค่ะ เมื่อเดินลงมาอีกชั้น จะมีซุปเปอร์มาเก็ตแบบ local อยู่ด้วยค่ะ มีของไม่เยอะ แต่ความอยากผลไม้ทำให้ซื้อแอปเปิ้ลและลูกพีช พร้อมมีดกลับไปกินที่โรงแรมด้วย
พักผ่อนกันที่ Juupiaule Resort
461-1, Nohak-dong, sokcho-si, Gangwon-do , Korea – (033) 638-0777
ถึงโรงแรมด้วยอากาศเปียกปอนใช้ได้เลยค่ะ มืดมากแล้วด้วย เมื่อได้กุญแจห้องแล้วก็ไปดูห้องพักกันเลยค่ะ
ห้องพักเป็นห้องนอนมีเตียง 3.5 ฟุต สองเตียง บรรยากาศห้องเก่ามาก มีโต๊ะกินข้าว ตู้เย็น และโซนทำอาหารในห้องเลยด้วย
นอกจากนี้มีห้องนอนแบบดั้งเดิมที่มีฮีตเตอร์บนพื้นด้วยนะคะ แต่ห้องแลดูเก่า และน่ากลัวไปหน่อย เลยตัดสินใจไปนอนบนเตียงดีกว่า
ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ ยังดีที่น้ำยังปรับความร้อนได้อยู่ไม่งั้นแย่แน่ๆ แต่ที่แย่ก็คือไม่มีเครื่องอาบน้ำอย่าง แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่คลุมผม อะไรพวกนี้แบบที่โรงแรมมีให้หรอกนะคะ แต่ทัวร์ได้บอกไว้แล้วเลยได้เตรียมมาด้วยไม่งั้นเศร้าแน่ๆ
นอกจากนี้ผ้าเช็ดตัวยังเป็นแบบผืนเล็กด้วย อันนี้สาวๆ ลำบากหน่อย เพราะอาจจะเช็ดไม่พอได้ เท่าที่สังเกตเค้าไม่มีผ้าเช็ดเท้าให้นะคะ ออกจากห้องน้ำก็พาน้ำเปียกๆ ไปด้วยเลย ดังนั้นก็เลยตัดใจเอาผ้าที่เช็ดตัวแล้วผืนนึงไปไว้เช็ดเท้าก่อนออกจากห้องน้ำค่ะ
รายละเอียดของทัวร์เกาหลี : https://www.etravelway.com/program_th.asp?ProgramCode=THAAG3-XJ-KR-SPEACIAL-SEORAK เดินทางวันที่ 19-24 ตุลาคม 2559
Leave a comment