เข้าโรงพยาบาล…เพราะอาหารเป็นพิษ
เข้าโรงพยาบาล…เพราะอาหารเป็นพิษ
คือเรื่องมันมีอยู่ว่า….มีกอริล่ากับกอริลี่ อ้าวๆๆไม่ใช่อะ จริงๆแล้วเรื่องมันเกิดขึ้นที่การคิดที่จะทำแซนวิชกินเองแล้วไปซื้อน้ำสลัดแซนวิชใน เซเว่นมากินโดยที่ไม่ได้ดูวันหมดอายุ เท่านั้นแหละ กินตอน 7 โมง ประมาณ 8.30 ถึงมหาลัยอาการก็เริ่มออกเลย ตอนแรกก็คิดว่าคงท้องเสียเฉยๆ แต่ไปๆมาๆมันเริ่มจะหลายรอบเกินไปแล้ว หน้าเริ่มซีดจนน้ำอบต้องพาไปสถานพยาบาล แต่ยังมีบางคนบอกว่าโชคดีแล้วที่ไม่ไปอยากเข้าห้องน้ำตอนที่ยังอยู่บนรถอะ นี่ออฟโชคดีจริงอะ – –
ณ สถานพยาบาล
แต่ละย่างก้าวที่จะเดินมายังสถานพยาบาลทีจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ไกลจากตึกของที่ภาคซักเท่าไหร่ แต่ว่าก็ต้องคอยคิดถึงห้องน้ำอยู่ตลอดทางเลยทีเดียว พอติดต่อรับบัตรคิวเสร็จ ก็ต้องมานั่งรอ คิดที่ 24 เลยอ่ะ นั่งได้ซักพักก้ต้องมองหาห้องน้ำอย่างเร่งด่วน แล้วในที่สุด น้ำอบก็เลยตัดสินใจไปนั่งรอคิวให้ แล้วให้ออฟรอในห้องน้ำไปเลย เพราะว่าห้องน้ำก็ต้องเดินออกมาพอสมควร ถึงแม้จะดูไม่ไกลมาสำหรับเวลาปกติ แต่ว่าที่ท้องเสียแบบนี้ถ้าให้นอนได้ก็คงนอนในห้องน้ำไปแล้วอ่ะ พอถึงคิวน้ำอบก็มาเรียก หมอก็ตรวจแล้วให้ยามากิน แถมยังให้นอนพักอีกด้วย แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะว่ายาที่หมอให้กินนั้น ยังไม่ทันจะลงไปถึงกระเพาะก็ต้องออกมาพร้อมกับอาเจียนซะก่อน แล้วเตียงนอนในสถานพยาบาลก็สูงมากจริงๆ แต่ที่ดีหน่อยคือเตียงอยู่ใกล้ห้องน้ำมากๆ แบบว่าวิ่งไปเข้า แล้วออกมาอ้วก สลับไปจนหมดแรง แล้วพี่พยาบาลก็เข้ามาฉีดยากันอาเจียนให้(เจ็บสะโพกจนถึงตอนนี้เลยอ่ะ) แต่ว่าก็ยังไม่ได้ลดลงเลย จนน้ำอบบอกว่านี่มันเป็นยาลด หรือว่ายาเร่งให้อ้วกมากขึ้นเนี่ย เพราะว่าหลังจากฉีดยาทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกเอาออกมาจนหมด หมอเลยต้องมาตรวจใหม่อีกครั้ง แล้วหมอก็ลองกดท้องหลายๆที่ ซึ่งบริเวณที่หมอบอกว่าเป็นไส้ติ่งเมื่ออฟโดนกดแล้วเจ็บมากๆ หมอเลยคิดว่าอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เลยบอกว่าให้ไปโรงพยาบาลเลย (เอาที่ใกล้สุดก็โรงพยาบาลวิภาวดีนี่แหละ)
ครั้งแรกที่ป่วยจนต้องนั่งรถเข็น
สถานพยาบาลก็จัดรถพยาบาลไปส่งให้ถึงโรงพยาบาลเลยอ่ะ ตอนลงจากรถแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว มึนๆ แต่จำได้ว่าพี่เค้าให้นั่งบนรถเข็น แล้วน้ำอบก็ไปทำบัตรผู้ป่วยให้ ส่วนออฟเค้าเข็นไปให้หมอตรวจ แล้วก็โดนกดท้องอีกครั้ง มีพยาบาลเอาอะไรมาให้เซ็นเยอะแยะเลยอ่ะ ไม่ได้อ่านเลย เค้าให้เซ็นตรงไหนก็เซ็น แบบว่าจะมายุ่งกับฉันทำไมตอนนี้เนี่ย คนกำลังปวดท้อง แต่ก็แอบแปลกใจที่ไม่รู้สึกว่าอยากจะถ่าย หรือว่าอยากจะอ้วกอีกแล้วอะ พี่เค้ามาเจาะเลือดแล้วก็ให้น้ำเกลือ แล้วออฟก็เริ่มจะหมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เค้าบอกว่าให้เปลี่ยนเตียง ระวังระดับของเตียงด้วย นั่นแหละถึงรู้ว่าเค้าพามาส่งถึงห้องแล้ว เป็นห้องคู่ เตียงของออฟใกล้กับห้องน้ำและเป็นเตียงที่ติดกับกระจกเห็นถนน และมหาวิทยาลัยข้างนอก ซึ่งบรรยากาศคงจะดีกว่านี้ ถ้าไม่มีสายน้ำเกลือและยา ระโยงระยางอยู่ข้างๆ ซักพักไม่นาน แม่ก็มาถึง แม่ดูตกใจมากเลยอ่ะ ว่าลูกสาวผู้แข็งแรงเป็นนิจคนนี้จะมานอนแซ่วอยู่โรงพยาบาล ด้วยหน้าซีดเซียวขนาดนี้ได้ แต่ออฟก็ยังถ่ายอยู่บ้างนิดหน่อย อาหารที่โรงพยาบาลเอามาให้เป็นอาหารอ่อน เริ่มจาก เกี้ยวน้ำ ข้าวต้ม โจ้ก จนตอนจะกลับนี่แหละถึงมีก๋วยเตี่ยวมาให้หน่อย จริงๆก็จะบอกว่าไม่อร่อยเลยอะ จืดๆ กินไม่ค่อยจะลง ดีที่พีสาวสุดที่รัก ซื้อลิ้นจี่กระป๋องมาให้ ถึงได้มีรสชาติขึ้นมาหน่อย
นานๆจะเป็นคนถูกเยี่ยม
ตอนบ่ายๆอาโกวมาเยี่ยมด้วยอ่ะ โกวอุตส่าห์ขับรถมาจากแถวรามเลยนะเนี่ย ก็คงห่วงหลานนะแหละ แต่คุยได้ไม่นานเท่าไหร่ โกวก็กลับอ่ะ คงอยากให้ออฟนอนพักอะแหละ แล้วกล้าก็มาเยี่ยมด้วยแปปนึง พอตอนเย็นๆแม่ก็มาอีกครั้งหลังจากที่กลับไปเคลียร์งาน แล้วพี่ออยก็มาพร้อมกับพี่อิ๋วด้วย ท่าทางพี่อิ๋วก็จะไม่สบายเหมือนกัน เพราะเห็นพี่ออยบอกว่าถ้าเกิดเตียงข้างๆว่าง ก็จะให้พี่อิ๋วนอนด้วยแล้วอ่ะ แล้วกล้าเข้ามาเยี่ยมอีกทีพร้อมกับแอ๋ม และลินดา เพื่อนๆจากชมรมค่ายอาสาที่น่ารัก ถึงแม้ว่าเทอมนี้ออฟจะไม่ค่อยได้เข้าไปก็ยังเป็นห่วงกันดีอยู่เสมอน่ารักจริงๆ เม้าส์กันห้องแทบแตกอะ ตอนนี้ออฟเริ่มไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่แล้ว มีแต่เพลียๆ แล้วก็ง่วงอยู่ตลอด พอทุกคนกลับหมดออฟก็ทำการบ้านกับน้ำอบต่ออีกนิดหน่อย ก็ไม่ไหวแล้วอ่ะ ง่วงมากๆเลย คืนนี้น้ำอบจะนอนเป็นเพื่อนอ่ะ น่ารักมากๆ เลย จริงๆตอนแรกเห็นฝนบอกว่าเย็นจะเข้ามาเยี่ยม แต่รู้สึกว่าจะติดเลี้ยงมุ้งนะแหละเลยไม่ได้มา แต่ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยมนะคะ
ความขี้เกียจชนะทุกสิ่ง
เจ็บแขนข้างที่มีสายน้ำเกลือมากเลยอะ นอนลำบากมากๆเลย แต่ก็ยังไม่เท่ากับปวดฉี่ตอนกลางดึก แต่ไม่กล้าปลุกน้ำอบ (ไปเข้าเองไม่ได้เพราะติดเสาที่เค้าห้อยสายน้ำเกลือและยา) แล้วก็ขี้เกียจด้วยอะ ก็เลยทนนอนต่อไป พยาบาลมาวัดไข้หลายครั้งมากเลยอ่ะ แบบว่าจะนอนหลับหน่อยก็มาวัดอีกละ ความดันปกตินะคะ แต่ว่ามีไข้สูง ไอ้เราก็รู้หรอกว่ามีไข้อะ ก็ไอ้อาการปวดหัว แล้วตัวก็ร้อนขนาดนี้จะไม่ให้มีไข้ยังไงไหวหล่ะเนอะ จนตอนเช้าหลังจากกินยาและกินข้าว แล้วก็ให้น้ำอบไปเรียนอาคิเทค ซึ่งได้ข่าวมาทีหลังว่างดเรียน หมอก็มาตรวจ ดูท่าหมอจะอยากให้อยู่ต่ออะ เพราะกลัวเรื่องที่ยังมีไข้อยู่ แต่ออฟไม่อยากอยู่แล้วอะ หมอเลยต้องบอกว่าไว้รอวัดไข้ตอนสิบโมงอีกทีละกัน ตอนที่เค้ามาวัดไข้นะ ออฟพยายามทำตัวให้เย็นๆเลยอะ ทำไงไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางจะได้ผล เพราะพี่พยาบาลบอกว่าไม่มีไข้แล้ว เย้ๆจะได้กลับซักทีอะ เบื่อจะตายอยู่แล้ว
ออกจากโรงพยาบาลซะที
แม่มาตอนสิบโมงกว่าๆอะ จริงๆกล้าโทรมาตอนเช้าด้วยแต่ไม่ได้มาเฝ้าหรอกนะเพราะว่าดูท่าทางแล้วยังไม่ตื่นเลยอะ แต่ก็ดีใจที่เป็นห่วงนะคะ แม่มาจัดการเรื่องเงิน สรุปว่านอนคืนนึงจ่าย 8600 กว่าบาท นี่ลดสิบเปอร์เซนต์แล้วนะเนี่ย เพราะว่าจ่ายเงินสด แล้วเค้าก็มาถอดสายน้ำเกลือออกไป ออฟก็เลยได้ฤกษ์อาบน้ำซักที แต่แม่ยังไม่ให้สระผมอะ คงกลัวออฟไข้ขึ้นอีกอะ จริงๆออฟอยากสระเพราะว่าจะได้สดชื่น แต่ก็ตามใจแม่นะเนี่ย เลยผมเน่าต่อไป ตอนแรกว่าจะเข้าไปทำแลบไฟฟ้าตอนบ่าย แต่พอขึ้นรถแล้วก็ต้องโทรไปบอกน้ำอบว่าคงไม่เข้าไปแล้วอ่ะ เพราะว่ารู้สึกเพลียๆ แล้วก็ยังถ่ายเหลวอยู่อะ เลยยังไม่อยากไปเรียน
คำเตือน : ถ้าจะกินอะไรควรดูวันหมดอายุทุกครั้ง
(ถึงแม้ว่าการที่อาหารเป็นพิษจนต้องถ่ายอย่างรุนแรงจะทำให้น้ำหนักลดลงก็เถอะ แต่ความทรมาณที่ได้รับนั้นไม่คุ้มกันเลย)
Leave a comment