รีวิวโดนใจ >> Vanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่) : คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น-อิตาเลียน กลางซอยเอกมัย 12

Vanilla Cafe_001

ร้านวานิลลาคาเฟ่ เป็นหนึ่งในร้านของวานิลาการ์เด้นค่ะ โดยในสวนกลางซอยเอกมัย 12 นี้จะมีร้านย่อยๆ อีก 3 ร้านด้วยกันค่ะ Vanilla Cafe’, Royal Vanilla และ Sauce  Vanilla Cafe’ (ร้านหนังสือ) ซึ่งครั้งนี้ออฟ ไผ่ จิโรจและมิวหลังจากที่ไปเที่ยวตลาดคลองสวนกันมาแล้ว ไปเที่ยวตลาด 100 ปีบ้านใหม่มาแล้ว ไปดู I am number four มากันแล้ว ก็มาปิดท้ายการทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านวานิลลาค่ะ ที่เลือกร้านนี้เพราะว่าเห็นว่าเป็นร้านที่พี่สาวโปรดปรานเอามากๆ เรียกได้ว่าแนะนำถึงขนาดว่า ต้องมาทานคาโบนาร่าของที่นี่ให้ได้เลยทีเดียวค่ะ

บรรยากาศของร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

Vanilla Cafe_021

เมื่อเดินเข้ามาส่วนในสุดของสวนก็จะมาเจอส่วนที่เป็นวานิลาคาเฟ่ค่ะ ตัวร้านจะแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยกัน มีการตกแต่งเหมือนเป็นบ้าน มีบันไดที่มีช่องหนังสือใส่รายการอาหารต่างๆ เอาไว้ ตัวร้านมีการนำการ์ตูนญี่ปุ่น และของเล่นต่างๆ มาประดับตกแต่ง

Vanilla Cafe_022

ที่นั่งแต่ละส่วนนั้นจัดเอาไว้แต่ละมุมไม่เหมือนกัน ก็เลือกนั่งกันได้ตามใจชอบเลยค่ะ

Vanilla Cafe_023

โทนสีที่ใช้ตกแต่งจะเป็นสีน้ำตาล มีการใช้โคมไฟในการเพิ่มมิติและแสงสว่าง

อาหารที่ทานที่ร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า 240 บาท

Vanilla Cafe_003

เริ่มต้นการทานอาหารที่ร้านวานิลลาเคาเฟ่ ด้วยการทานเมนูที่ได้รับการแนะนำจากพี่สาวค่ะ…สปาเก็ตตีคาโบนาร่า ออฟว่าบางครั้งการที่เราได้รับคำชื่นชมจากรายการอาหารใดนั้น เวลาที่เราไปลองทาน เรามักจะคาดหวังเอาไว้ค่อนข้างสูงนะคะ ดังนั้นผลที่ได้มันมีโอกาสจะผิดหวังสูงเช่นกัน ดังนั้นในการทานสปาเก็ตตี้ครั้งนี้ออฟก็เลยพยายามทำใจเป็นกลาง แล้วรับรู้รสชาติของอาหารเหมือนยังไม่เคยได้ฟังพี่สาวชมค่า

Vanilla Cafe_025

มาเริ่มพิจารณาที่เส้นสปาเก็ตตี้กันก่อน เท่าที่กินดูออฟว่าก็ลวกได้ดีนะคะ ไม่มีเส้นที่รู้สึกว่าไม่สุกอะคะ แล้วก็เส้นไม่เละจนเกินไป ด้านบนเค้าจะโรยชีสเส้นๆ มาให้ด้วย

Vanilla Cafe_004

รสชาติของคาโบนาร่าจานนี้ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ โดยส่วนผสมหลักๆของคาโบนาร่าจานนี้ก็คือ ชีส ไข่ เบคอน ครีม พริกไทย ออฟว่าตัวซอสนี่เข้มข้นไปด้วยชีสดีค่ะ แต่เบคอนนี่ออฟชอบเบคอนแบบแห้งๆ มากกว่าอะคะ อันนี้เหมือนกันเป็นแบบนิ่มๆ แต่ก็ให้รสชาติไปอีกแบบ

แซลมอนเทมปุระคริสปี้ 280 บาท

Vanilla Cafe_030

ทานอาหารอิตาเลียนไปแล้ว ก็มาลองทานอาหารฝั่งญี่ปุ่นกันบ้างค่ะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยทานปลาดิบอย่างออฟ ข้าวปั้นนี่ก็เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ทานได้บ่อยเลยทีเดียวค่ะ มาที่วานิลลาคาเฟ่ครั้งนี้ก็เลยลองสั่ง แซลมอนเทมปุระคริสปี้

Vanilla Cafe_007

เค้ามาเสริฟทั้งหมด 4 ชิ้นด้วยกันค่ะส่วนประกอบของ แซลมอนเทมปุระคริสปี้  ก็คือ มีเทมปุระ, หน่อไม้ฝรั่ง อยู่ตรงกลางค่ะ โดยด้านบนนั้นจะมีซอสและไข่กุ้งสีส้มอยู่ด้วย

Vanilla Cafe_031

เค้าหั่นออกมาเป็น 4 ชิ้นเท่าๆ กันดีค่ะ ข้าวไม่แตกออกมาเลย เรียกว่าใช้มีดและฝีมือในการหั่นมากๆ เพราะว่าหน่อไม้ฝรั่งที่อยู่ตรงกลางก็กรอบ และน่าจะหั่นยากอยู่ซักหน่อย ส่วนสาหร่ายที่ห่ออยู่นั้นก็กรอบดีค่ะ มาเสริฟแล้วทานเลยนะคะ อย่าทิ้งให้เย็น (แต่ถ้าไปกับออฟ ให้ออฟถ่ายรูปก่อน อิอิ) เพราะว่าถ้าทิ้งไว้นานแล้วสาหร่ายมันดูดน้ำจากข้าวไปแล้วนั้นจะทำให้สาหร่ายเหนียวและไม่น่ากินค่ะ เวลาทานนี่อาจจะทานยากไปนิดนึง เพราะว่าคำใหญ่มากๆ แต่ก็อร่อยมากๆค่ะ

ทาราโกะสปาเก็ตตี้โรล 240 บาท

Vanilla Cafe_008

เท่าที่ออฟพยายามหามานั้นว่า “ทาราโกะ” หมายถึงอะไร พอสรุปใจความได้ว่าเป็น “ไข่ปลาค็อด” ค่ะ แต่ต้องขอสารภาพกันตรงๆว่า ทาราโกะสปาเก็ตตี้โรล จานนี้นั้น ไม่ได้สัมผัสรสชาติ ได้ขนาดนั้นอะคะ ก็พอจะบอกได้แค่ว่าเป็นข้าวปั้นเท่านั้นเอง

Vanilla Cafe_034

ผักที่เค้าโรยหน้ามาให้นี่ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ว่ากินแล้วขมอะคะ ก็เลยกิน ทาราโกะสปาเก็ตตี้โรล แบบจิ้มกับซอสแทน

Vanilla Cafe_009

ครีมโคโรเกะ 220 บาท

Vanilla Cafe_039

ส่ง ครีมโคโรเกะ มาลองทานด้วยค่ะ หลังจากที่เคยไปทานที่ร้าน Kuu ที่เซ็นทรัลเวิร์ลมาแล้ว แต่ออฟรู้สึว่าของร้าน Kuu จะมีเกล็ดขนมปังเยอะกว่า แบบว่าของร้านวานิลานี่จะดูเป็นก้อนครีมโคโรเกะกลมๆ แต่ของร้าน Kuu นี่มันจะไม่กลมขนาดนี้อะคะ ผิวมันจะขรุขระกว่า

Vanilla Cafe_037

ซอสจิ้มเค้าจะใส่มายองเนสมาให้ด้วยเลยค่ะ

Vanilla Cafe_030

ในถาดที่ใส่ครีมโคโรเกะมานี่ก็มีมัสตราดมาให้ด้วยค่ะ แต่ออฟไม่ได้จิ้ม ตัวโคโรเกะของร้านวานิลานั้นออฟว่าเครื่องด้านในอัดแน่นดีค่ะ

Vanilla Cafe_011

จิ้มกับซอสแล้วก็อร่อยดี ทานตอนกำลังร้อนๆ นี่คงสุดยอดไปเลย แต่ออฟตักมาแล้วแบ่งเป็นคำๆ ให้มันเย็นก่อนอะคะไม่งั้นลวกปาก

สปาเก็ตตี้แกงกะหรี่กราแตง 320 บาท

Vanilla Cafe_040

รายการอาหารที่ออฟว่าอร่อยไม่แพ้สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าในการทานอาหารที่ร้านวานิลาคาเฟ่วันนี้ก็คือ “สปาเก็ตตี้แกงกะหรี่กราแตง” ค่ะ โดย กราแตง คือ เทคนิคในการทำงานอาหาร โดยจะมีส่วนประกอบหลักคือ ใส่ครีม ใส่ชีส แล้วก็อบจนหน้าเหลือง

Vanilla Cafe_014

ซึ่งเมื่อมาลองทานสปาเก็ตตี้แกงกะหรี่กราแตง แล้วนั้นต้องบอกว่าเทคนิคนี้ แกงกะหรี่ที่นี่ เส้นสปาเก็ตตี้แบบนี้ มันเข้ากันมากๆ ค่ะ น้ำแกงกะหรี่ที่คงเคี่ยวมาจนข้นเข้ากัน ดูจากการทานแครอทที่นิ่มแล้วเข้าเนื้อแล้วนั้น ออฟว่าแกงกะหรี่ที่นี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านแกงกะหรี่ Coco หรือว่า ขนมปังยัดไส้แกงกะหรี ของร้าน Kuu ที่เซ็นทรัลเวิร์ล เลยทีเดียวค่ะ

Vanilla Cafe_041

ของหวานที่ทานที่ร้าน ร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

พาเฟ่ต์ผลไม้สตรอเบอร์รี่ 95 บาท

Vanilla Cafe_046

หลังจากที่โซ้ยอาหารคาวกันไปแล้ว ก็มาลิ้มลองรสชาติของของหวานกันบ้าง โดยเริ่มกันที่ “พาเฟ่ต์ผลไม้สตรอเบอร์รี่
” ซึ่งพอมาถึงของหวานแล้ว คู่แข่งของออฟวันนี้ก็ยอมรามือไปตามๆ กันแล้วค่ะ ไผ่บอกว่าอิ่มจนกินอะไรไม่ไหวแล้ว ส่วนจิโรจบอกว่าไม่ชอบกินสละ ก็เลยเหลือออฟกับมิวทานกัน 2 คนค่ะ

Vanilla Cafe_019

ด้านบนจะเป็นสตอเบอร์รี่และสละแกะเม็ดแล้ว ราดด้วยน้ำซอสสตอเบอร์รี่ผสมสละ รสชาตินี่ไม่ต้องบอกก็คงพอจะนึกได้ค่ะ ว่าต้องเป็นเปรี้ยวนำแน่ๆ

Vanilla Cafe_047

ส่วนด้านล่างเป็นน้ำแข็งบดค่ะ การทานของออฟนั้นตัดสินใจใช้ช้อนคนมันรวมกันเลยค่ะ แล้วจากนั้นก็พบว่ากินแยกๆ ดูจะอร่อยกว่าอะคะ น้ำแข็งด้านล่างนี่เกล็ดใหญ่ไปอะคะ ก็เลยไม่รู้สึกละลายในปากเลย ส่วนความเปรี้ยวนี่ก็ถูกใจออฟอยู่เหมือนกันค่ะ

ชูไอซ์สตรอเบอร์รี่ช็อกโกแลต 160 บาท

Vanilla Cafe_017

“ชูไอซ์สตรอเบอร์รี่ช็อกโกแลต” นี่คงจะมาจากการรวมตัวกันของ “ชูครีม” + “Ice-cream” + “สตอเบอร์รี่” + “ช็อกโกแลต” ซึ่งออฟว่าเป็นของหวานที่มีส่วนผสมลงตัวมากๆ ค่ะ มีสีสันสดใส ความเปรี้ยวของสตอเบอร์รี่ ความหวานของไอศกรีมวานิลา และเอาใจหนุ่มๆ ด้วยการมีผงช็อกโกแลตด้วย

Vanilla Cafe_042

เวลาทานนี่จะลำบากนิดหน่อยค่ะ คือตอนทานนี่ใช้ช้อนตัดแล้วมันก็จะรวมๆ กันดูเน่าๆ ไปนิดนึง แต่เรื่องรสชาตินี่ออฟการันตีเลยค่ะ ว่างานนี้ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว

Vanilla Cafe_018

ชูครีมที่เค้ามีให้ซื้อกลับบ้านด้วยนะคะ ชิ้นละ 40 บาท

Vanilla Cafe_043

ใบเสร็จจากร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

Vanilla Cafe_049

งานนี้มากินกันแบบว่าเต็มที่ อยากลองอะไร อยากสั่งอะไรจัดไปจนหมดค่ะ สุดท้ายก็เลยราคาพุ่งกระฉูดหยุดไม่อยู่ขนาดนี้ เรียกได้ว่ากินกัน 4 คนซัดไปคนละเกือบ 500 บาท แบบนี้นี่ไปกินบุฟเฟ่เนื้อย่าง แบบมีระดับกันได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียวค่ะ

หมายเหตุจากร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

– มีค่าบริการ 10 % แต่ไม่มี VAT

– ยุงเยอะมากๆ เรียกได้ว่า ไม่อยากนั่งนานเพราะว่ายุงกัดนี่แหละค่ะ เศร้ามากๆ เลย

– คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ดูเป็นส่วนตัวดี เหมือนกินข้าวอยู่บ้านเลย

Gallery จากร้านVanilla Cafe (วานิลลาคาเฟ่)

ข้อมูลทั่วไปของร้านVanilla Cafe วานิลาคาเฟ่

สถานที่ตั้ง Vanilla Cafe Japanese Restaurant: 53 ซอย เอกมัย 12 สุขุมวิท 63 ซ. 12 (เจริญใจ) คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ 10110
เบอร์โทรศัพท์ Vanilla Cafe Japanese Restaurant: 0-2381-6120,0-2381-6122
การเดินทาง Vanilla Cafe Japanese Restaurant:ใช้ถนนสุขุมวิท ตรงไปจนถึงซอยสุขุมวิท 63 เลี้ยวเข้าซอยเอกมัย 12 ตรงเข้าไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นวานิลลาคาเฟ่ อยู่ด้านซ้ายมือ
สถานที่จอดรถ Vanilla Cafe Japanese Restaurant:ลานจอดรถของร้านวานิลลาคาเฟ่
เว็บไซต์ : www.vanillaindustry.com
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น.
แผนที่

map

Leave a comment