Thomson Reuters Internship#2 : Process Introduction
วันนี้ทางบริษัท ทอมสัน รอยเตอร์ส(Thomson Reuters) ก็ได้มีการจัดอบรมให้สำหรับนิสิตนักศึกษาที่มาทำการฝึกงานในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยหัวข้อที่ทำการอบรมในวันนี้คือ Process Introduction ซึ่งก็ได้มีผู้บรรยายสองท่านคือ Reena (คนต่างชาติ) และ Bee (คนไทย) ซึ่งวันนี้ก็ได้มีการแบ่งกลุ่มของนิสิตนักศึกษาที่มาฝึกงานออกเป็น 5 กลุ่ม โดยให้จับกลุ่มกันเองประมาณกลุ่มละ 6-7 คน ซึ่งกลุ่มของออฟวันนี้ก็มี แพร(ลาดกระบัง), ปอ(ม.ขอนแก่น), ปอม(ลาดกระบังอินเตอร์), บอย(พระจอมเกล้าธนบุรี), โบ๊ท (ม.กรุงเทพ) ซึ่งมาจากต่างสถาบันกันหมดเลย (ถ้าออฟจำผิดขอโทษด้วยน้า = =)
AGENDA
9.30 – 10.00 Introduction
คำถามแรกที่เค้าให้แต่ละคนลองคิดว่า What do you expect from this couse? ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตอบประมาณว่า friend, experience และ understand about process ช่วงแรกๆนี้ หลายๆคนยังอายๆอยู่อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนในกลุ่มกันเท่าไหร่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ค่อยคล่องภาษาอังกฤษกันด้วยส่วนหนึ่ง
ต่อมาเป็นการให้แต่ละคนลองคิดว่า Process คืออะไร ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีคนตอบเยอะขึ้นแล้ว ซึ่งจริงๆ มันก็ตอบได้หลายอย่างเช่น the way to get something to get product , Process is step, Process is How to get the goal และอีกมากมาย
Process is a set of practices performed to achieve a given purpose. It can include tools, methods, materials and/or people
10.00-12.00 Workshop I
ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่เค้าจะให้ requirement มา แล้วให้แต่ละกลุ่มทำตามความต้องการ โดยในช่วงนี้เกิดปัญหาขึ้นเยอะเหมือนกัน เช่น ไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า, ทำงานไม่ทัน, ได้จำนวนงานไม่ตรงตามความต้องการ, งานยังมีข้อผิดพลาด,แบ่งงานกันไม่ดี และอีกมากมาย ซึ่งพี่เค้าก็ได้แนะนำว่า
– เขียนรายการความต้องการของลูกค้าออกมา
– ควรจะมีการตีความของความต้องการร่วมกันภายในกลุ่มให้มีความเข้าใจที่ตรงกันซะก่อนที่จะเริ่มทำงาน
– เมื่อเข้าใจกันแล้วก็ควรที่จะไปตรวจสอบกับลูกค้าว่าเราเข้าใจถูกต้องไหม โดยอาจจะถามลูกค้าว่ามีตัวอย่างของงานที่ต้องการไหม หรือเราก็อาจจะทำตัวอย่างของงานที่เราเข้าใจไปให้ลูกค้าดูว่าเราเข้าใจถูกต้องไหม
– เมื่อต้องมีการใช้วัตถุดิบควรจะมีการวางแผนให้ดี
– ภายในกลุ่มช่วยกันตรวจสอบสินค้าก่อนส่งให้ลูกค้าว่าสินค้าตรงตามความต้องการครบไหม
12.00-13.00 Lunch
วันนี้ไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆในกลุ่มที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆตึก แต่ละคนจ่ายไป 31 บาทซึ่งออฟก็คิดว่าดีนะ ที่เค้าคิดน้ำแก้วละบาท ซึ่งเค้ามีน้ำให้เติมได้ด้วย เพราะว่าปกติที่ต้องซื้อเป็นขวดมาน่าจะเปลืองกว่านี้ แถมคิดเงินลำบากอีกด้วย วันนี้ออฟก็กินข้าวไก่กระเทียม ก็อร่อยดีอะ หรือว่าหิวก็ไม่รู้สิ
13.00-14.00 Process Overview
ในช่วงนี้พี่เค้าก็พูดถึง SOFTWARE PROCESS AREA (รู้สึกเหมือนเรียนวิชา Large Soft อยู่เลยอะ) ซึ่งก็ประกอบด้วย phase ต่างๆ
1. Requirement
2. Design
3. Implementation
4. Testing (QA)
5. Release
ซึ่งในทุกๆเฟสก็จะมีกระบวณการดังต่อไปนี้ประกอบด้วย
– Project Management
– Configuration Management
– Software Quality Assurance
– Peer Review
– Measurement and Analysis
– Decision Analysis and Resolution
– Causal Analysis Resolution
14.00-15.30 Workshop II
ช่วงนี้ก็มีการให้ Requirement มาอีกซึ่งฃหลักๆก็คือให้สร้างบ้านจากกระดาษที่ความทน, สามารถรับน้ำหนักของปากกาที่ตกลงมาได้แล้วไม่พัง, ลมพัดแล้วไม่พัง ซึ่งการทำ workshop ครั้งนี้จะเน้นไปในส่วนการนำ process มาใช้ โดยจะมีการวนฐานแทนแต่ละเฟส ซึ่งจะให้แต่ละกลุ่มมี PM (Project Manager) คงไว้ที่กลุ่มเพื่ออธิบายความต้องการให้กลุ่มที่เข้ามาใหม่เข้าใจว่ากลุ่มเราทำงานตามความต้องการใด ซึ่งคราวนี้ออฟเองก็ได้เป็น PM ซึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองยังวางแผนงานไม่ดีนัก ทั้งๆที่ก็มีประสบการณ์ในการจัดการงานตอนทำโปรเจ็คมาพอสมควร = = ซึ่งที่ยังขาดอยู่หลักๆ ก็คือ
– ไม่มีการเขียน Model ในตอน Design หรืออธิบายขั้นตอนที่ต้องการให้ทำ
– เมื่อฝ่าย Implement เข้ามาทำงานก็ยังไม่มีการสื่อสารที่ดีเท่าที่ควร ซึ่งก็เป็นผลมาจากตอนที่ออกแบบแล้วไม่ได้มีการเขียนโครงร่างที่ต้องการเอาไว้ให้ชัดเจน
– ไม่มีการให้ฝ่าย Testing ตรวจสอบความต้องการอย่างชัดเจน เช่นน่าจะเขียนรายการออกมาชัดเจนไปเลยว่ากลุ่มของเราทำงานตามความต้องการอะไรบ้าง เวลาเค้าตรวจสอบจะได้ตรวจสอบได้ชัดเจน
– ในตอน Release เน้นแต่เรื่องการขายสินค้า ซึ่งจริงๆแล้วควรจะมี Release Note, Installation อะไรอีกด้วย
15.30-16.30 Benefit
ข้อดีของการมี Process ก็คือ การมีมาตรฐานกลางในการทำงาน ซึ่งก็ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้ รวมไปถึงทำให้งานมีคุณภาพและลดข้อผิดพลาด และยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาที่จะต้องเสียไป ซึ่งเมื่องานออกมาดีก็จะทำให้ลูกค้าพอใจ ส่งผลให้องค์กรได้กำไรตามไปด้วย
ข้อเสียของการมี Process คือ Process ที่ใช้ต้องเหมาะสมกับ Project ที่ทำ (ถ้าไม่เหมาะสมควรมีการ Tailor)
16.30-17.00 CMMI
ช่วงนี้พี่เค้าก็ได้มีการอธิบายในส่วนของ CMMI(Capability Maturity Model Integration) โดยสรุปได้ว่า CMMI ก็เป็นมาตรฐานในการปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพ เป็นที่รู้จักและยอมรับของสากล หากองค์กรใดได้รับ CMMI (แล้วแต่ level) ถือว่าองค์กรนั้นมี product และกระบวนการพัฒนา product ที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้า และเป็นตัวการันตีชิ้นงานที่ออกไป
CMMI Maturity Levels : Initial, Managed, Defined, Quantitatively Managed, Optimizing
17.00-17.30 Process Implement Lifecycle
ช่วงนี้หลุดไปเยอะเหมือนกัน = = แต่ว่าก็สรุปความได้ว่าโปรเซสมันจะมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ตลอดนะแหละ ทั้ง Improve Process, Measure Process, Define Org. Process, Control Process, Execute Process
17.30-18.00 Summary
หมดลงไปแล้วอีกหนึ่งวันในการฝึกงานวันนี้ก็ได้เพื่อนๆ เยอะขึ้นกว่าเดิม ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน รวมไปถึงได้รู้จักกันมากขึ้นว่าคนไหนได้ทำส่วนไหนบ้าง มาจากที่่ไหน ชอบอะไร ซึ่งรู้สึกว่าการฝึกงานครั้งนี้ เพื่อนแต่ละคนจะไม่ค่อยได้งานที่ตัวเองอยากทำเท่าไหร่ ประมาณว่าคนอยากเขียนโค้ดก็ได้ไปเทส ส่วนคนอยากเทสก็ได้เขียนโค้ดอะไรทำนองนั้น
เพิ่มเติม
– http://wiki.nectec.or.th/setec/Knowledge/CMMI
หมายเหตุ
1. วันนี้ไผ่มาหาไปกินไอติมกันที่เอเต้
2. พาแม่ พี่ออย และไผ่ไปกินข้าวเย็นที่ NOODI
3. วันนึ้ฝึกงานเลิกเร็วกว่าปกติ
Leave a comment