รีวิวโดนใจ >> The Brasserie (เดอะ บราเซอรี่) ห้องอาหารนานาชาติ ของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม
Holiday Inn คงเป็นโรงแรมที่น่าจะคุ้นหูหลายๆ ท่านอยู่พอสมควรเลยค่ะ เพราะโรงแรมเครือนี้เค้าใช้ชื่อเดียวกัน แต่เพิ่มรายละเอียดของสาขาต่อท้าย อย่างครั้งนี้ก็ได้รับเชิญให้มารีวิวห้องอาหาร The Brasserie (เดอะ บราเซอรี่) ของ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม โดยห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่มีให้เลือกทานทั้งช่วงกลางวัน และช่วงเย็นค่ะ ครั้งนี้พาคุณแม่กับไผ่มาดินเนอร์กับบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติของที่นี่กันค่า
บรรยากาศของThe Brasserie
เนื่องด้วยรถติดมากมาย ทำให้ถึงแม้จะออกจากร้านแม่ที่อยู่แค่ซอยศาลาแดง และใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดงแล้ว แต่ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเลยค่ะ รถติดเอาเรื่อง ขอบอกว่าถ้ามารถไฟฟ้าแนะนำให้นั่งรถไปที่โรงแรมนะคะ ถ้าเดินนี่น่าจะเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน จุดสังเกตอยู่ที่วัดแขกค่ะ ถ้าผ่านวัดแขกมาแล้วให้เตรียมชิดซ้ายได้ค่ะ
ตัวห้องอาหาร The Brasserie จะอยู่ที่ชั้นเดียวกับล็อบบี้เลยค่ะ หาไม่ยากเท่าไหร่ แต่ป้ายชื่อห้องอาหารดูจะเล็กไปหน่อย จุดสังเกตคืออยู่ใกล้กับร้านขายเค้กค่ะ เข้ามาแล้วจะพบการตกแต่งโดยโดยใช้สีสดใส อาทิ สีส้ม สีเขียว และสีในกลุ่มเอิร์ธโทนเป็นหลักค่ะ
ห้องอาหารนี้ถือว่าใหญ่ทีเดียวค่ะ จัดงานเลี้ยงบริษัทใหญ่ๆน่าจะได้เลยค่ะ และเป็นห้องในรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำให้ดูโอ่โถงค่ะ แถมยังเสริมด้วยเพดานที่สูงโปร่งทำให้ดูไม่แออัดเดินไปค่ะ
Line อาหารของห้องอาหาร The Brasserie
ไลน์อาหารจะอยู่ขนาดกับพิ้นที่นั่งรับประทานอาหารเลยค่ะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการกระจายพิ้นที่การจัดวางอาหารที่ดีค่ะ คนไม่รุมกัน หรือกระจุกกันในโซนไหนเป็นพิเศษ และพิ้นที่ทางเดินกับโซนโต๊ะอาหารก็ห่างกันใช้ไดค่ะ แต่คนที่นั่งติดกับไลน์อาหารอาจจะรำคาญคนเดินไปเดินมานิดหน่อยค่ะ
การจัดไลน์อาหารถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่าเป็นการเรียงลำดับของการทานอาหารจากเบาไปหนักอย่างพอดีๆค่ะ โดยเริ่มต้นด้วยการทานของกินเล่นจากทางด้านขวาสุดของไลน์ (หันหน้าเข้าไลน์อาหาร) แล้วเรียงต่อมาเป็น ยำต่างๆ, อาหารญี่ปุ่น, Cold Cut ตามด้วยสลัด
จากนั้นก็จะมาไลน์อาหารหลักตั้งแต่ พาสต้า อาหารนานาชาติทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง และอินเดีย เทปันยากิ ซุป และปิดท้ายกันด้วยของหวานและผลไม้ค่ะ
โซนของทานเล่นของห้องอาหาร The Brasserie
โซนแรกที่เดินมาเจอก่อนเลยเป็นของทานเล่นอย่างขนมข้าวเกรียบปากหม้อ และขนมปังหน้าหมูทอดค่ะ ตัวข้าวเกรียบปากหม้อนั้นจะอยู่ในซึ้งอุ่นไว้ตลอดค่ะ ช่วยให้ไม่แห้งและยังคงอุ่นๆ อยู่ ส่วนขนมปังหน้าหมูทอดนี่ก็มีไฟช่วยอุ่นอยู่ด้วย ด้านหน้าจะมีน้ำจิ้มให้อยู่คู่กันเลยค่ะ
โซนของยำของห้องอาหาร The Brasserie
ถัดมาเป็นโซนของยำซึ่งออฟคิดว่าน่าจะถูกปากคนไทย และก็มีหลายอย่างให้เลือกทานกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นยำทูน่าที่มีเนื้อทูน่าเน้นๆ เครื่องยำแน่นๆ พริกแดงๆ เห็นแล้วเผ็ดเลยค่ะ
ยำกุ้งสด
ลาบหมู
ยำไส้กรอก
โซนอาหารซีฟู๊ดของห้องอาหาร The Brasserie
ส่วนอาหารทะเลนี่มีนิดหน่อยค่ะ มีกุ้งกับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่ตัวใหญ่ใช้ได้ค่ะ
โซนอาหารญี่ปุ่นของห้องอาหาร The Brasserie
มาถึงส่วนของอาหารญี่ปุ่นที่หลักๆ เป็นส่วนของซาชิมิ และข้าวห่อสาหร่ายค่ะ โดยด้านข้างจะมีถ้วยน้ำจิ้ม วาซาบิให้ด้วย
ซาชิมิก็มีปลาแซลมอนสีสดเป็นหลักค่ะ
ส่วนข้าวสาหร่ายนี่ก็มีให้เลือกสองแบบค่ะ เรียงกันสวยดีค่ะ ตัดเป็นชิ้นเท่าๆ กันด้วย
โซนสลัดของห้องอาหาร The Brasserie
โซนสลัดนี่ก็มีอ่างผสมให้เราคลุกเคล้าเองด้วยนะคะ
ผักส่วนใหญ่จะเป็นผักต่างประเทศที่เราไม่ค่อยคุ้นหน้ากันเท่าไหร่ โดยรวมแล้วมีผักให้เลือกไม่เยอะมาก แต่มีเครื่องสำหรับทำสลัดซีซาร์ได้ครบทีเดียวค่ะ เพราะงั้นถ้าจะกินสลัดซีซาร์น่าจะครบเครื่องสุดค่ะ
โซนพาสต้าของห้องอาหาร The Brasserie
โซนพาสต้าของที่นี่มีการนำเส้นพาสต้าที่ลวกแล้วมาให้เราเลือกว่าต้องการทานเส้นใด และใช้ซอสแบบไหนค่ะ
ตัวเส้นนี่ก็มีทั้งแบบเพนเน่ แบบมักกะโรนีน้อย และแบบโบว์ค่ะ ส่วนซอสก็มีทั้งซอสครีม, ซอสเนื้อ และซอสมะเขือเทศ รวมไปถึงมีส่วนผสมที่ปรุงเพิ่มได้อีกหลายอย่างเลยค่ะ อ้อสามารถสั่งแบบผัดขี้เมาได้ด้วยนะคะ
โซนเทปันยากิของห้องอาหาร The Brasserie
โซนเทปันยากินี่เป็นหัวใจหลักและจุดต่างของห้องอาหารนี้เลยค่ะ โดยจะโดดเด่นด้วยพื้นที่เตาขนาดใหญ่มีที่ดูดควันด้านบน และมีพ่อครัวมาคอยทำเมนูเทปันยากินให้เราตามสั่งเลยค่ะ
โดยเมนูเทปันที่สั่งได้ก็มีตั้งแต่ หมู ไก่ เนื้อ กุ้ง ปลาแซลมอน ปลากระพง
โดยมีซอสให้ปรุงเพิ่ม หรือจะขอซอสเทอริยากิเพิ่มแบบออฟก็ได้ค่ะ
โซนของร้อนของห้องอาหาร The Brasserie
พามาถึงโซนของร้อนกันบ้างแล้วค่ะ ที่นี่จะเป็นรูปแบบเตาให้ความร้อนแบบไฟฟ้า ซึ่งด้านบนเป็นกระจกแบบส่องๆ ผ่านก็ได้ หรือจะเปิดมาดูให้เห็นกันไปเลยว่าข้างในเป็นอะไรก็ได้ค่ะ แต่ยังไงแต่ละหม้อก็มีป้ายรายละเอียดบอกไว้ให้นะคะ
บล็อกเคอร์รี่อบชีส
ขาหมู
ปลาดอรี่ในซอสมะเขือเทศ
หมูอบครีมผักขม
ปลาทอดกระเทียม
Line ของอาหารอินเดียของห้องอาหาร The Brasserie
อาหารอินเดียของที่นี่ก็เอาใจชาวต่างชาติหรือแขกที่อยู่โซนนี้และชาวไทยที่อยากลิ้มลองอาหารอินเดียกันด้วยค่ะ
โดยถ้าหากอยากลองเริ่มทานแนะนำให้เริ่มจากแผ่นแป้งโรตี และไปตักแกงมาทานคู่กันค่ะ อันนี้ดูจะทานง่ายสุดแล้ว
สำหรับของทานเล่นแบบอินเดียก็มีให้เลือกนะคะ แต่จะมีกลิ่นและรสชาติเหมือนผงกะหรี่ผสมอยู่ด้วยค่ะ
Line ของหวานของห้องอาหาร The Brasserie
โซนของหวานนี่ก็จะเป็นแนวเค้กซะส่วนใหญ่ค่ะ โดยจะมีการตัดเป็นชิ้นสำหรับทาน 1 คนเอาไว้ให้ตักได้ง่ายค่ะ
บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก
แบล็กฟอร์เรสเค้ก
คาราเมลคัสตาร์ด
เยลลี่และพานาค็อตต้า
มะม่วงมูสเค้ก
ของหวานไทยๆ
Line ของผลไม้ของห้องอาหาร The Brasserie
ผลไม้ไทย ก็มีให้เลือกทั้งมะม่วง แตงโม แคนตาลูป สับปะรด มังคุด และแอปเปิ้ล แต่แอบคิดว่ามังคุดกับแอปเปิ้ลนี่ดูน่าจะกินยากสำหรับหลายๆคนค่ะ
รายการอาหารที่ทานที่The Brasserie
จานที่อยากจะพรีเซนต์สุดๆ คือจานเทปันยากิรวมค่ะ ขอบอกว่ารสชาติดีมากๆ ไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มเลยก็ได้ค่ะ
นอกจากส่วนที่เป็นเนื้อสัตว์ต่างๆ แล้วผักที่เสิร์ฟมาคู่กันก็ช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดีค่ะ
ซาชิมินี่กินแซลมอนก็สดดีค่ะ
ซีซาร์สลัดนี่โรยชีสและเบคอนได้เองเลย ออฟเลยจัดซะเต็มที่เลยค่ะ ผักสดและกรอบดี
อาหารพวกยำต่างๆ นี่แม่ก็บอกว่ารสชาติใช้ได้เลยค่ะ
ยำไส้กรอกนี่ก็ทานเล่นเพลินๆ
เมนูอาหารญี่ปุ่นที่ออฟทานเยอะสุดเห็นจะเป็นปูอัดค่ะ แต่อย่างอื่นก็โอเค
เมนูของทานเล่นอยา่งขนมปังหน้าหมูทอดนี่รสชาติดีค่ะ แต่อมน้ำมันไปหน่อย
เมนูอาหารอินเดียที่ลองทานนี่ก็ได้รสชาติเครื่องเทศโดดเด่นดีค่ะ เรียกว่าลองชิมแล้วถือว่าทานได้ค่ะ
รายการเครื่องดื่มที่ทานที่The Brasserie
ต้องบอกว่าเครื่องดื่มไม่รวมในราคาบุฟเฟ่ต์นะคะ แต่สามารถสั่งเพิ่มได้ค่ะ ครั้งนี้ลองทานน้ำส้ม และน้ำแตงโมปั่นก็ถือว่าได้มาตรฐานค่ะ
รายการของหวานที่ทานที่ The Brasserie
ของหวานที่นี่ที่ทานง่ายดูจะเป็นเยลลี่ค่ะ ส่วนเครมบูเล่นี่รสชาตินมๆ ไปหน่อย มูสมะม่วงก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ แต่มันคล้ายมะม่วงอกร่อง ซึ่งถ้าได้เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้น่าจะอร่อยกว่าค่ะ
เครปรสจืดไปค่ะ ทานคู่กับซอสต่างๆ แล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ไอศกรีมมะม่วงที่มาคู่กันก็รสชาติโอเคค่ะ
ปิดท้ายกันด้วยผลไม้ล้างปากอย่างไทยๆค่า
บทสรุปจากการทานที่The Brasserie
- เดอะ บราสเซอรี่ ให้บริการทั้งอาหารตามสั่งจานเดียว และบุฟเฟต์ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 10.30 น.
- บริการบุฟเฟ่ต์ มื้อเช้าตั้งแต่เวลา 6.00 น. – 10.30 น. ท่านละ 550 บาท++
- มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 14.30 น. ท่านละ 600 บาท++
- มื้อเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 22.30 น. ท่านละ 700 บาท++
- มีเมนูอาหารให้เลือกพอประมาณ โดดเด่นที่เมนูเทอริยากิ
- ห้องอาหารมีขนาดใหญ่ รองรับคนได้เยอะ และไม่ค่อยอึดอีด
- ไลน์อาหารแบบยาวนี่ทำให้คนไม่เบียดกันมาก
- การเดินทางถือว่าสะดวกกลางๆ คือใกล้รถไฟฟ้าในระดับที่ต่อรถมาไม่ยาก แต่ถ้าให้เดินไปออฟคิดว่าออฟคงเดินไม่ไหวค่ะ
- ถ้ามีอาหารทะเลเยอะกว่านี้น่าจะดึงดูดคนได้ดีขึ้นค่ะ
Update of Partnership Marketing summary:
Credit Card
Partnership |
Offers / conditions |
BBL |
50% Discount on food only for Lunch and Dinner1 July 2013 – 20 December 2013 |
American Express Card |
25% on food only for buffet lunch and buffet dinnerat The Brasserie1 January – 31 December 2013 |
Come 2 Pay 1 for Buffet Lunch or Buffet Dinnerat The Brasserie Restaurant every Monday – Thursday1 May – 30 September 2013 | |
Standard Charter |
Dine 4 pay 2 (for food only) at The Brasserie Restaurantfor Buffet Lunch & Buffet Dinner every Monday – Thursday1 June – 30 November 2013 |
K Bank |
Dine 4 pay 2 (for food only) at The Brasserie Restaurantfor Buffet Lunch & Buffet Dinner1 July – 30 November 2013 |
KTC |
Come 4 Pay 2 for Buffet Lunch or Buffet Dinner at The Brasserie Restaurant.1 July 2013 – 30 November 2013 |
Gallery จากThe Brasserie
ข้อมูลทั่วไปของThe Brasserie
ที่อยู่ : 981 อาคาร ชั้น 2 โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
สาขา : โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม
เบอร์โทรศัพท์ The Brasserie โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม 022384300 ต่อ 4472
วันและเวลาเปิดปิดทำการ :เปิดทุกวัน เวลา 06.00 - 22.30 น.
การเดินทาง The Brasserie โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม :จากถนนพระราม 4 เลี้ยวเข้าถนนสีลมผ่านซอยสีลม 19 จะเห็นโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ สีลม ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนน สี่แยกมเหสักข์ ห้องอาหารเดอะบราสเซอรี่ อยู่ชั้น 2 ของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม
ที่จอดรถ : ลานจอดของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์สีลม
Leave a comment