รีวิวโดนใจ >> Korea Trip Day3 โสมเกาหลี – ศูนย์เครื่องสำอาง – ดิวตี้ฟรี – พระราชวังเคียงบ็อค- ตลาดเมียงดง
วันนี้มีรายการ A Must แบบที่ต้องไปหลายอย่างเลยค่ะ ซึ่งรายการพวกนี้ถ้าไม่ไปจะต้องเสียเงินเพิ่มด้วยนะคะ คนที่ไปทัวร์เกาหลีจะต้องรู้ไว้ก่อนเลย โดยหลักๆ ที่ต้องไปก็มี ศูนย์โสม, ศูนย์เครื่องสำอาง, สมุนไพรฮ็อกเก็ตนามู, สมุนไพรน้ำมันสน, โรงงานเจียระไนพลอยอเมทิส ดังนั้นไหนๆ เค้าก็ต้องไปแล้วก็ไปดูกันหน่อยว่าแต่ละที่เป็นยังไงบ้าง
เริ่มต้นด้วยอาหารเช้ากันก่อน
อาหารเช้าที่โรงแรมไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ค่ะ มันไม่ได้มีไส้กรอก ไข่ดาว อะไรพวกนั้นให้เราทานแต่ก็จะเป็นข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดผัก กิมจิ ขนมปังค่ะ แต่รสชาติโดยรวมไม่ถูกปากเท่าไหร่ก็เลยตัดสินใจไปซื้อข้าวปั้นที่ร้าน CU Mart ใกล้กับโรงแรมแทนค่ะ
สมุนไพรโสมเกาหลี
อย่างแรกที่ไปนี่เป็นโสมเกาหลีก่อนเลยค่ะ เห็นเค้าบอกว่าตอนนี้มีประเทศที่ปลูกโสมได้ไม่กี่ที่เท่านั้น ตึกสมุนไพรโสมเกาหลีนี่ก็ยิ่งใหญ่จริงจังใช้ได้เลยค่ะ แต่ละกรุ๊ปจะมีรอบของตัวเองพอขึ้นไปถึงแล้วก็จะมีพนักงานคนไทยมาคอยต้อนรับ ทักทายกันแบบไทยๆ ไปแล้วก็เริ่มต้นอธิบายสรรพคุณต่างๆของโสมกันเลยค่ะ มีตัวอย่างของโสมตามปีให้ดูด้วย เค้าบอกว่าโสมจะอุดมคุณค่าของสารอาหารมากสุดเมื่ออายุ 6 ปีค่ะ โดยถ้าเกินกว่านั้นดินจะดูดกลับไป ซึ่งพอได้เดินผ่านชมกันแบบเร็วๆ แล้วคราวนี้ก็พอเข้าห้องเลยค่ะภายในห้องจะมีพนักงานอีกหลายท่านที่จะมานำเสนอสินค้าจากโสม และอธิบายสรรพคุณให้เราฟัง งานนี้ใครสนใจก็สั่งซื้อกันได้ค่ะ แต่ถ้าไม่สนใจก็แวะไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็ลงไปซื้อของฝากด้านล่างหรือจะไปรอที่รถก็ได้
ศูนย์เครื่องสำอาง
นั่งรถต่อมาอีกไม่ไกลก็มาถึงจุดที่สองค่ะ อันนี้พอเข้าร้านก็เช่นกัน จะมีพนักงานมาพาไปยังโซนที่เค้าจะพรีเซนต์สินค้า โดยเค้าจะเอาสินค้าที่เป็นตัวเด็ดๆของทั้งศูนย์เครื่องสำอางนี้มาอธิบายให้เราดูว่าแต่ละตัวช่วยเรื่องอะไร แถมมีให้เราทดลองได้ด้วยนะคะ หลักๆ แบรนด์ที่เห็นก็มี Dr.MJ, DEWINS, MISSHA แล้วก็มีพวกครีมว่างหางจระเข้ค่ะ ใครอยากจะขาวสวยหน้าใสแบบสาวเกาหลีก็ลองหาข้อมูลของแต่ละแบรนด์ดูนะคะ เข้าใจว่าถ้ามาซื้อที่นี่น่าจะได้ราคาถูกกว่า
ไก่ตุ๋นโสม VS มาม่าเกาหลี
มาถึงมื้อเที่ยงค่ะ วันนี้ได้มากินไก่ตุ๋นโสม หรือชื่อเกาหลีคือ ซัมกเยทัง โดยเมนูนี้เป็นอาหารชาววังในสมัยก่อน โดยเค้าจะเลือกไก่ขนาดกำลังเหมาะผ่านการเลี้ยงจนอายุได้ 45 วัน แล้วนำเครื่องยาจีน อาทิ เกาลัด, เก้ากี้, พุทราจีน, และรากโสมเล็ก ๆ พร้อมด้วยข้าวเหนียวใส่ลงไปในตัวไก่แล้วผ่านการตุ๋นจนได้ที่
มาพร้อมกับกิมจิ และเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเกาหลี แต่หน้าตาคล้ายกับขนมจีนบ้านเราสามารปรุงเพิ่มรสชาติด้วยเกลือ และพริกไทยป่น นอกจากนี้เค้ายังมีเหล้าโสมเกาหลี ที่เรียกว่า โซจู ให้ทานกันด้วยนะคะ ตัวเนื้อไก่นี่เค้าต้มจนเปื่อยเลยทีเดียว ทำให้เวลากินแค่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อก็ติดออกมา ไม่ต้องออกแรงเลยค่ะ
สำหรับคนที่ไม่ชอบทานไก่ตุ๋นโสม ก็สั่งมาม่าเกาหลีมากินกันได้ จริงๆ มื้อนี้ออฟก็กินไก่ตุ๋นโสมได้อยู่นะคะ แต่แม่อยากได้อะไรเผ็ดๆ หน่อย เลยสั่งมาม่าเกาหลีมากินด้วยกัน เส้นมาม่าของเกาหลีเค้าจะหนา และนุ่มกว่าบ้านเราค่ะ ส่วนรสชาติของเครื่องปรุงนี่ก็อร่อยเข้มข้นดี เผ็ดนิดๆ เปรี้ยวหน่อยดีค่ะ
ผ่านชมทำเนียบประธานาธิบดี
อันนี้คือนั่งรถผ่านค่ะ ทำเนียบประธานธิบดีของเกาหลี จะมีอีกชื่อว่า Blue House ซึ่งก็มีที่มาจากหลังคาเป็นสีฟ้านั่นเอง ซึ่งงานนี้นั่งรถผ่านดังนั้นก็เห็นได้แบบเร็วๆ เลยค่ะ เอาจริงๆ ถ้าไม่ชี้ให้ดูก็คงไม่รู้ แถมถ่ายรูปไม่ทันด้วยค่ะ นอกจากจากนี้ในกรุงโซลก็มีจุดที่เค้าถือว่ามีฮวงจุ้ยดีที่สุดด้วยซึ่งก็คือภูเขารูปหัวมังกรและวงเวียนน้ำพุค่ะ สำหรับภูเขารูปหัวมังกรนี่ตอนนั่งรถจะมองไม่ค่อยเห็นอะไรนะคะ มาเห็นชัดตอนที่ไปเดินที่พระราชวังเคียงบ๊กคุงค่า
พระราชวังเคียงบ็อค
หลังจากผ่านทำเนียบประธานาธิบดีมาแล้วก็มาถึงพระราชวังเคียงบ็อคกันบ้างค่ะ อันนี้จะเห็นหนุ่มสาวเกาหลีใส่ชุดประจำชาติอย่างชุดฮันบกเต็มเลย น่ารักมากๆ โชคดีที่ตอนที่ไปเค้ามีจัดงานชุดฮันบกด้วยก็เลยได้เห็นเต็มไปหมดเลย
แค่ทางเข้าก็อลังการแล้วค่ะ พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) นี่เป็น 1 ใน 5 พระราชวังหลวงเก่าแก่กว่า 600 ปีเลยนะคะ แต่เค้าได้รับการบูรณะซ่อมแซมเพื่อความสมบูรณ์และสวยงามเหมาะแก่การเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของที่ว่าราชการกษัตริย์ในสมัยอาณาจักรโชซอน
ด้านหน้าจะมีรูปปั้นของสัตว์ในตำนาน ดูอลังการมากทีเดียว ตัวพระราชวังนี่เอาจริงๆ ก็ใหญ่ดีนะคะ แต่คนเยอะมาก เข้าไปใช้เวลาไม่นานเลย จากประตูใหญ่เดินตรงไปจนสุดก็จะเห็นพระราชวังอยู่ตรงกลาง เดินขึ้นบันไดไปก็จะถึงใจกลางของพระราชวังค่ะ ลานล้อมรอบพระราชวังนี่ใหญ่เอาเรื่องทีเดียว ถ้ามีหนุ่มเกาหลีแต่ตัวย้อนยุคเป็นทหารเฝ้าวังให้ถ่ายรูปด้วยจะเริ่ดมาก
เดินตรงเข้าไปตรงกลางเลยนะคะ โดยภายในจะเป็นพระที่นั่งของกษัตริย์ อันนี้หาไม่ยาก จุดไหนที่มีคนชะเง้อมอง และรุมๆ กันตรงนั้นคือทางที่เราจะเดินเข้าไปมองได้ค่ะ
ข้างๆ กันจะมีศาลาริมน้ำค่ะ อันนี้สวยตรงที่เงาสะท้อนกับน้ำที่ล้อมรอบอยู่ แต่ถ้าสังเกตตัวศาลาแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่วิจิตรอลังการมากเท่าไหร่
ถ้าถ่ายรูปกับพระราชวังแล้วยังพอมีเวลาเหลือก็แวะไปดูพิพิธภัณฑ์ของพระราชวังได้ค่ะ ไม่เสียค่าเข้า เค้าจะรวบรวมของต่างๆภายในพระราชวังมาจัดแสดงเอาไว้ได้อย่างสวยงามมากเลยค่ะ
ดิวตี้ฟรี Dongwha
หลังจากเดินชมวังกันไปแล้ว พาไปช็อปปิ้งกันบ้างค่ะ โดยเค้าพาไปปล่อยที่ห้าง Duty Free : Dong Wha อันนี้ก็ไปซื้อของที่เล็งไว้ได้เลย
ในห้างก็มีหลายแบรนด์นะคะ มีทั้งจากต่างชาติ และของเกาหลีเอง สำหรับคนที่เล็งเครื่องสำอางของ sulwhasoo ก็ซื้อกันที่นี่แหละค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้จะซื้อของสามารถเดินไปชมคลองชอนเกชอน ซึ่งเป็นคลองน้ำใสใจกลางกรุงได้นะคะ
โดยระหว่างทางที่จะเดินไปคลองนั้นก็ไปเห็นร้าน Godiva ค่ะ เรียกได้ว่าเห็นร้านนี้แล้วเปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็วเลย ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์นะคะ แต่เป็นช่วงเวลาอิสระดังนั้นก็เลยมาลองอะไรใหม่ๆกันค่าะ
Godiva เป็นร้านขายช็อกโกแลตชื่อดังจากเบลเยี่ยมค่ะ ซึ่งตอนแรกเข้าไปก็เล็งช็อกโกแลตหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็เปลี่่ยนใจสั่งเครื่องดื่มและไอศรีมมาแทนค่ะ โดยลอง Milk Chocolate Decadence 7,500 won เมนูนี้อร่อยลงตัวมากๆ เวลากินจะได้เนื้อช็อกโกแลตนิดๆด้วย, White chocolate Mango passion Fruit 7,500 won อันนี้ตอนแรกคาดหวังมากกว่านี้หน่อยค่ะ
ถ่ายรูปกันแบบด่วนๆตอนรอไฟข้ามถนนเลย เพราะว่าเดินออกมาจากจุดนัดกับทัวร์ค่อนข้างเยอะเลยต้องรีบๆ เดิน แทบจะวิ่งกลับเลยทีเดียวค่ะ
มื้อเย็นที่ Under the sea
ในรายการทัวร์เค้าเขียนว่ามื้อเย็นนี้จะได้กินบุฟเฟ่ต์ขาปู ณ ร้าน Under the sea ค่ะ ซึ่งตอนแรกไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนเลย คาดหวังว่ามื้อนี่น่าจะอลังการสุดได้กินปูไม่อั้น แต่พอมาถึงร้านแล้วมันก็บุฟเฟ่ต์ดินเนอร์ตามโรงแรมสามดาวบ้านเรานั่นเองค่ะ
บรรยากาศของร้าน กว้างขวางดี ร้านใหญ่ใช้ได้ คนเยอะทีเดียว นั่นหมายความว่าความวุ่นวายก็มากตามไปด้วย
ไลน์อาหารก็มีทั้งอาหารญี่ปุ่น, อาหารอิตาเลียน โซนเครื่องดื่ม, บิบิมบัม โซนของหวานนะคะ อาหารมีหลายอย่างอยู่ แต่เท่าที่ลองแล้วโดยรวมแค่พอกินได้ค่ะ โรงแรมบ้านเราอร่อยกว่าเยอะทีเดียว
สำหรับปูที่เค้าเอามาเป็นตัวชูโรงนั้น หมดเร็วมากๆ และไม่ค่อยอร่อยเท่าปูม้าบ้านเรา จะจืดๆ ยังดีที่เค้าเตรียมน้ำจิ้มซีฟู๊ดมาให้ด้วยค่ะ เลยพอไหวอยู่
ตลาดเมียงดง
มาถึงเป้าหมายของวันนี้ที่รอคอยมานานกันบ้าง นั่นคือ ตลาดเมียงดงหรือสยามสแควร์เกาหลี อันนี้ได้เดินแบบเต็มที่มากๆ ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นแหล่งชอปปิ้งที่ครบเครื่องมากๆ ร้านที่จะเห็นบ่อยมาก็มี Etude, Innisfree, Natural republic, Skin fodd หาได้เยอะมากๆ และเค้าก็มีโปรโมชั่นเยอะมากเช่นกัน ใครที่ใช้อยู่แล้วหรือยากจะซื้อลองก็ซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ
มีร้าน Line Friends ที่คนเข้าคิวเพื่อจะไปถ่ายรูปกับหมีบราวน์ตัวใหญ่ของร้านด้วย
สำหรับของกินนี่อยากจะบอกว่าไม่น่ากินที่ร้านตอนเย็นมาเลย ที่นี่มีของกินเยอะมากๆ เรียกได้ว่ามีตามทางเต็มไปหมดเลย ครั้งนี้ก็ได้ลองไม่กี่อย่างเพราะว่าท้องเต็มแล้ว แต่ยังไงถ้าใครจะมาก็อยากให้เผื่อท้องเอาไว้ลองไอศรีม อันนี้ยาวมากๆ กินกันอิ่มเลยค่ะ แท่งละ 2000 won เอง, สตอเบอร์รี่ไดฟุกุก็อร่อยมา สตอเบอร์รี่ลูกโตมาก หวานมาก แถมได้ลองเมนูที่ซีรีย์เกาหลีเค้าชอบกินกันอย่างเมนู Eomuk Guk เป็นลูกชิ้นปลาที่เป็นแผ่น โดยการเสียบไม้ยาวๆ ต้มในหม้อน้ำซุป กินกันร้อนๆ เลยค่ะ วันนี้ก็เลยกลับโรงแรมแบบฟินๆ ไปเลยค่ะ
รายละเอียดของทัวร์เกาหลี : https://www.etravelway.com/program_th.asp?ProgramCode=THAAG3-XJ-KR-SPEACIAL-SEORAK เดินทางวันที่ 19-24 ตุลาคม 2559
Leave a comment