โดนใจไปญี่ปุ่น >> Day 8 Kyoto – วัดทอง (Kinkakuji ) – ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ – วัดคิโยมิซุ

nbJapanTrip_Day8_012

วันนี้เป็นวันเที่ยวเมืองเกียวโตค่ะ โดยหลักๆ ที่จะไปคือ วัดทอง (Kinkakuji ) – ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ – วัดคิโยมิซุ โดยการเดินทางจะใช้บัตร Kansai Thru Pass เป็นหลักค่า ใครกำลังมองหา One Day Trip สำหรับเที่ยวเกียวโต ก็ลองไปเที่ยวตามกันได้เลยนะคะ

รู้จัก Kansai Thru Pass กันหน่อย

  • 2 Days 4,000 Yen , 3 Days 5,200 Yen.
  • ใช้ได้กับรถไฟเอกชน 40 บริษัท รถโดยสารได้ที่เขตคันไซ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้กับรถไฟใต้ดิน และรถเมล์ของอำเภอ Osaka&Kyoto&Kobeได้ รวมถึงรถไฟด่วนของเอกชน สายKeihan สายHanshin สายHankyu สายSanyo ถ้าเป็นรถไฟด่วนKintetsu และสายNankaiต้องเสียค่าจองที่นั่งเพิ่ม แต่นั่งJR และชินคันเซน รวมถีง Highway Bus, Limousine Bus ไม่ได้
  • ครั้งนี้ออฟซื้อที่โรงแรม Hearton Hotel Shinsaibashi ที่ออฟพักเลยค่า
  • ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.surutto.com/tickets/kansai_thru_english.html

อาหารเช้า ร้าน St.Marc cafeใต้สถานี umeda

JapanTrip_Day8_001ก่อนจะเริ่มเดินทางเนื่องจากออฟนัดเพื่อนเอาไว้ที่สถานี Umeda เลยแวะทานอาหารเช้าจากร้าน St.Marc cafe กันก่อนค่า ร้านนี้มีขนมปังและเครื่องดื่มหลายอย่างให้เลือก ที่สำคัญยังเปิดเช้ามากๆ และมีที่นั่งให้ด้วยค่ะ
JapanTrip_Day8_003

เมนูที่สั่งนี่ก็จิ้มเอาจากตัวอย่างของเค้าค่ะ เพราะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย โดยเมนูที่นั่งจะเป็นขนมปังคล้ายกับครัวซอง ทานคู่กับถั่วแดงกวน ไอศกรีมวานิลา และวิปครีม ราดเมเปิ้ลไซรับอีกรอบ โดยจานนี้ราคา 480 เยนถือว่าโอเคอยู่ค่า

  • ชื่อ : ร้าน St.Marc cafe
  • ย่าน : Umeda (รถไฟใต้ดิน)
  • บทสรุป : รสชาติโอเค สมราคาอยู่ค่ะ
  • websitehttp://www.saint-marc-hd.com/cafe/

เดินทางไปเกียวโต

JapanTrip_Day8_006การเดินทางไปเกียวโตนั้นเนื่องจากมีบัตร Kansai Thru Pass ดังนั้นจึงจะใช้การนั่งรถไฟสาย Hankyu Arashiyama Line ลงสถานี Arashiyama (Hankyu) โดยไปขึ้นที่ สถานี Umeda ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึงค่ะ

JapanTrip_Day8_068

จากนั้นก็ขึ้นมานั่งรถ City Bus กันโดยสามารถใชับัตร Kansai Thru Pass สำหรับค่าโดยสารได้เลยค่ะ

JapanTrip_Day8_008

ทาโกะยากิสไตล์เกียวโตหน้าวัดทอง

JapanTrip_Day8_010เมื่อลงรถแล้วก็เดินตามทางเพื่อมุ่งหน้าไปหาวัดทองค่ะ แต่ระหว่างทางนั้นมีร้านแวะพัก ก็เลยเติมพลังกันหน่อย ด้วยการลองทาโกะยากิสไตล์เกียวโตค่ะ มาในรูปแบบน้ำซุปเลยค่ะ ทานร้อนๆ อร่อยมากเหมือนกันค่ะ ถ้วยนึง 400 เยนค่ะ ได้ทั้งหมด 5 ลูก
JapanTrip_Day8_009

  • ชื่อ : ทาโกะยากินหน้าวัดทอง
  • เมือง : เกียวโต
  • การเดินทาง : ขึ้นรถประจำทางสาย 205 มาลงป้าย Kinkakujimichi หน้าวัดคินคะคุจิ
  • บทสรุป : เป็นอีกเมนูที่ออฟว่าน่าลองนะคะ อร่อยแบบร้อนๆ คล่องคอ เข้ากับอากาศหนาวๆ ได้ดีเลยค่ะ

 Kinkakuji Temple (วัดทอง)

JapanTrip_Day8_071

ระหว่างทางที่เดินไปวัดนั้น ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ลงมาแล้วค่ะ อันนี้แนะนำให้เช็คอากาศก่อนเดินทางด้วยนะคะ วันนี้เค้าบอกว่าฝนตกแน่ เลยต้องพกร่มมาไว้ และมันก็ตกจริงๆ แต่ก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวน้อยลงเลยค่ะ

JapanTrip_Day8_013ในวันฝนตกและมหาสงครามร่มเริ่มขึ้น การแย่งชิงพื้นที่ในการถ่ายรูปให้ฉากหลังเป็นวัดทองเหลืองอร่ามนั้นเริ่มขึ้นทันทีเลยค่ะ ยังดีที่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อได้รูปที่ถูกใจแล้วก็จะหลบให้คนอื่นเข้าไปบ้าง เวลาถ่ายรูปนี่ต้องยิ้มสู้ฝน และหุบร่มหน่อยนะคะ จะได้รูปสวยๆ
JapanTrip_Day8_014มุมที่ฮิตมากจะเป็นมุมด้านหน้าของวัดทองที่ให้เราเห็นตัววัดสะท้อนกับผิวน้ำได้ด้วยค่ะ อ้อ ก่อนจะเข้าต้องไปซื้อตั๋วก่อนด้วยนะคะ ตั๋วจะคล้ายกับยันต์ค่ะ ราคาคนละ 400 เยน
JapanTrip_Day8_015เมื่อเดินมาอีกฝั่งจะเห็นว่ามีคนรอถ่ายรูปเยอะมากๆ และร่มเยอะมากๆ
JapanTrip_Day8_017เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว จริงๆ เป้าหมายหลักของวัดนี้ก็แทบจะหมดลง ดังนั้นคนมาเที่ยววัดนี้อาจจะเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ได้ในเวลาไม่เกิน 20 นาทีนะคะ แต่สำหรับกลุ่มออฟที่ไม่รีบมากนักก็คอยเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ และแวะหาของประจำถิ่นกินไปเรื่อยๆค่า
JapanTrip_Day8_018มีที่ให้อธิษฐานและโยนเหรียญด้วยนะคะ แน่นอนว่าออฟไม่พลาดที่จะลองโยน เพื่อนๆ ให้เหรียญมาหลายอัน แต่ก็ไม่เข้าซักอัน เลยยอมไปค่ะ
JapanTrip_Day8_019

ใครเป็นแฟน One-Piece ก็สามารถซื้อของที่ระลึกกลับไปได้นะคะ ดูน่ารักมากๆ เลยค่า

  • ชื่อ : Kinkakuji Temple (วัดทอง)
  • เมือง : เกียวโต
  • ข้อมูลทั่วไป : วัดทอง (Golden Pavilion) เป็นวัดนิกายเซน มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่าโรคุองจิ (Rokuonji) ในตอนแรกนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อาศัยของโชกุนอะชิคากะ (Ashikaga Yoshimitsu) และเปลี่ยนมาเป็นวัดนิกายเซนในภายหลัง หลังจากที่โชกุนได้เสียชีวิตลงแล้ววัดทอง คินคะคุจิ เสียหายจากไฟไหม้ในช่วงสงครามมาหลายครั้ง แต่ก็มีการสร้างใหม่ตลอด ไฟไหม้ครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1950 จากฝีมือของพระที่คลั่งในความงามของวัดทอง จนต้องการเผาตัวเองไปพร้อมกับวัด ตัววัดที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955
  • การเดินทาง : ขึ้นรถประจำทางสาย 205 มาลงป้าย Kinkakujimichi หน้าวัดคินคะคุจิ
  • ค่าเข้า400บาท
  • บทสรุป : ถ้าฝนไม่ตกจะเยี่ยมมาก วัดสวยดี แต่คนเยอะ ร่มแยะไปหน่อย เลยไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ค่ะ

เดินทางไปศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

JapanTrip_Day8_020เที่ยวต่อกันเลยค่ะ ต่อไปเป็นการไปเที่ยว ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ กันต่อ โดยเราจะต้องนั่งรถบัส สาย 102 ไปลงรถไฟสาย Keihan Main แล้วนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Fushimi Inari
JapanTrip_Day8_022

ข้าวหน้าปลาไหลร้าน Nezameya หน้าทางเข้าศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

JapanTrip_Day8_075เป้าหมายแรกก่อนการเข้าไปเที่ยวที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ คือการกินข้าวหน้าปลาไหลค่ะ ร้าน Nezameya เป็นร้านที่หาไม่ยากเลยค่ะ หน้าร้านจะมีการย่างปลาไหลให้เราดูด้วย การันตีว่ามาถูกร้านแน่นอน
JapanTrip_Day8_023ปลาไหลชิ้นใหญ่มากๆ เลยค่ะ จะย่างบนเตาที่หนังจะไหม้หน่อยๆ แต่เนื้อข้างในแห้งกำลังดีทีเดียว
JapanTrip_Day8_024เมนูของเค้าให้ดูรูปเอาเลยนะคะ โดยหลักๆก็จะเป็นข้าวกับปลาไหลนั่นแหละค่า
JapanTrip_Day8_025เซตที่สั่งกันเป็นเซตข้าวหน้าปลาไหล พร้อมน้ำซุปราคา 1,860 เยน ค่ะ
JapanTrip_Day8_029

หลังจากได้ทานพบว่ารสชาติไหม้ๆ ติดหนังปลาเยอะทีเดียวค่ะ คิดว่าที่นี่คงชอบกินกันแบบนี้ แต่ตัวออฟเองไม่ค่อยชอบใจความไหม้เท่าไหร่ รวมๆ กินกับข้าวก็โอเคอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้ถูกใจมากๆ

  • ชื่อ : ร้านข้าวหน้าปลาไหล Nezameya
  • เมือง : เกียวโต
  • การเดินทาง : ทางเดียวกับการมา ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
  • บทสรุป : ข้าวหน้าปลาไหลเซตนึง 1,860 เยน ถือว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงมากนัก รสชาติโดยรวมไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แต่ไม่แย่มาก

เที่ยวศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ

JapanTrip_Day8_031ทางเดินขึ้นจะมีร้านของกินอยู่ข้างทางนะคะ แวะซื้อกันได้ รสชาตินี่เสี่ยงดวงเอากันนะคะ แต่ร้านที่ออฟลองนี่เป็นร้านขนมปลามีไส้ตรงกลางค่ะ ชิ้นละ 150 เยน
JapanTrip_Day8_078ผลปรากฎว่าลองแล้วไม่เวิร์คค่ะ ไม่อร่อยเลย แป้งแห้ง ไส้ก็เย็นด้วย ไม่ผ่านจริงๆ

JapanTrip_Day8_034เมื่ออิ่มท้องแล้วก็เดินมุ่งหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางเข้าศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
JapanTrip_Day8_033ไปถึงแล้วก็ไปชำระล้างกันก่อนเลยค่ะ เค้าจะมีป้ายบอกไว้ว่าให้เราทำยังไงกันบ้าง อ่านไม่ออกก็ดูรูปเอาได้เลยค่ะ
JapanTrip_Day8_035จากนั้นก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อลอดอุโมงค์เสาโทริอิ กว่าหมื่นต้น เตรียมหามุมถ่ายรูปกันดีๆ ได้เลยค่ะ ต้องชิงจังหวะกันใช้ได้เพราะว่าคนจะเดินมาเป็นระยะๆ ดังนั้นแนะนำว่าให้เดินเข้าไปลึกหน่อยจะทำให้ถ่ายรูปง่ายขึ้นนะคะ เพราะว่าคนเริ่มเดินเข้ามาลึกๆ น้อยลงแล้ว
JapanTrip_Day8_036ที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีสุนัขจิ้งจอกเป็นสัญลักษณ์ โดยมีความเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นผู้รับสาส์นจากเทพเจ้าดังนั้นเค้าก็เลยมีการเขียนขอพรกันเต็มเลยค่า แต่ละคนวาดรูปสุนัขจิ้งจอกกันได้สวยมากๆ เลย
JapanTrip_Day8_084

เค้าว่าถ้าจะเดินจนสุดทางไปกลับนี่ใช้เวลาสองชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นออฟก็เลยตัดสินใจว่าเดินเก็บรูปให้ได้รูปสวยๆ หน่อยก็พอค่ะ เลยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

  • ชื่อ : ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
  • เมือง : เกียวโต
  • ข้อมูลทั่วไปศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) หรือที่บางคนเรียกกันว่าศาลเจ้าเสาแดง สุนัขจิ้งจอก ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 794 การจะเข้าไปถึงตัวศาลเจ้าด้านในต้องผ่านเสาโทริอิสีแดงนับพันต้น ที่ด้านหน้าจะศาลเจ้าจะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกซึ่งถือว่าเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า
  • การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี JR Inari หรือ สถานี Fushimi Inari ของรถไฟ Keihan Main Line

เที่ยววัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส)

JapanTrip_Day8_085มาต่อกันที่วัดน้ำใสหรือวันคิโยมิซุนะคะ ที่นี่จะมีคนแต่งชุดกิโมโนขึ้นไปเยอะมากๆเลย มาทั้งเป็นกลุ่มสาวๆ และแบบคู่รัก เล่นเอาอยากลองบ้างเลย
JapanTrip_Day8_042ขึ้นมาแล้วก็ไปซื้อตั๋วเข้าวัดกันก่อนเลยนะคะ
JapanTrip_Day8_043ตั๋วจะเป็นที่คั่นหนังสือค่ะ ค่าเข้าคนละ 300 เยนค่ะ

JapanTrip_Day8_090ทางเข้าช่วงแรกจะมีการเสี่ยงทายกันก่อน แบบว่าให้อธิษฐานแล้วยกค่ะ แต่หนักมากจริงๆ ยกไม่ขึ้นเลย ยิ่งของผู้ชายนี่ใหญ่มากๆ
JapanTrip_Day8_045ส่วนใหญ่แล้วคนที่มาที่นี่จะมาไหว้พระกันค่ะ มุมนี้จะเป็นมุมฮิตเลย ที่เราจะได้ถ่ายรูป อาคารหลักของวัดคิโยมิซึในส่วนของระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ โดยเค้าสร้างยื่นออกจากด้านข้างของเนินเขา ซึ่งจากระเบียงนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเกียวโตได้
JapanTrip_Day8_095โซนนี้จะเป็นอีกโซนที่มีนักท่องเที่ยวมาเข้าคิวดื่มน้ำจากแม่น้ำสามสาย ที่เป็นน้ำซับธรรมชาติไหลลงมาจากยอดเขามานานนับพันปีแล้ว โดยมีความเชื่อว่า
น้ำสายที่ 1 ถ้าใครได้ดื่มจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา
น้ำสายที่ 2 จะสมหวังในความรัก
น้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง
JapanTrip_Day8_047

  • ชื่อ : วัดคิโยมิซุ (วัดน้ำใส)
  • เมือง : เกียวโต
  • ค่าเข้า : 300 เยน
  • ข้อมูลทั่วไป :วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu Temple) เป็นชื่อในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “น้ำบริสุทธิ์” คนไทยมักจะเรียกวัดนี้ว่า “วัดน้ำใส” วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากในเกียวโต และได้เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย สิ่งก่อสร้างที่สำคัญของวัดนี้อยู่ที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และรองรับด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนร้อยกว่าต้น เมื่อมองจากศาลาไม้ลงไปที่ด้านล่างจะเห็นต้นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีเป็นสีแดงในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และเห็นซากุระในช่วงซากุระบานวัดคิโยมิซุ เป็นวัดพุทธนิกายหนึ่ง วัดแห่งนี้เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 798 แต่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นทีหลังในปี ค.ศ. 1633 ส่วนสาเหตที่คนไทยเรียกวัดนี้ว่าวัดน้ำใส เนื่องจากว่าวัดนี้มีน้ำที่ใสบริสุทธิ์อยู่ 3 สายไหลลงมาจากน้ำตกโอตาวะ ให้นักท่องเที่ยวได้ตักดื่ม หรือ ล้างหน้า
  • การเดินทาง : สายรถเมลล์ที่ผ่านมี 100,202,206,207 นั่งมาลงที่ป้าย Kiyomizu-Michi แล้วเดินเข้าไปตามทางที่ปูด้วยหินจะเจอร้านค้ามากมายอยู่สองข้างทาง และปลายทางจะเป็นทางเข้าวัด

เดินเล่นย่านกิออน

JapanTrip_Day8_050ก่อนจะนั่งรถกลับก็มาเดินเล่นย่านกิออนกันหน่อยค่ะ ช่วงเย็นๆหน่อยจะเริ่มอากาศหนาวๆ แล้ว โดยก็มีร้านค้าเปิดตามทางเยอะเลยค่ะ
JapanTrip_Day8_052ในย่านนี้อาคารบ้านเรือนจะเป็นอาคารไม้แบบดั้งเดิม จริงๆก็เดินถ่ายรูปแบบเดียวเองค่ะ เพราะไม่ค่อยมีอะไรมากนัก
JapanTrip_Day8_098ร้านของหวานที่มีคนต่อคิวยาวมาก ถ้าต้องการนั่งในร้าน แต่ถ้าซื้อกินจะไม่ยาวมากค่ะ ร้านนี้คือร้าน Ujicha Gion Tsujiri โดดเด่นเรื่องไอศกรีมชาเขียวค่ะ รสชาติเค้าจะเข้มข้นมากทีเดียว ถ้วยนึงประมาณ 370 เยนค่ะ
JapanTrip_Day8_099

  • ชื่อ : ย่านกิออน
  • เมือง : เกียวโต
  • ข้อมูลทั่วไป : กิออน – ราตรีแห่งเกียวโต ย่านเกอิชาชื่อดัง ย่านนี้อยู่ใกล้ๆกับศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine) และแม่น้ำคาโมะ (Kamo River) ถนนเส้นหลักจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านดื่มชาและร้านอาหารมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็จะการแสดงโชว์จากเกอิโกะ (geiko) และ ไมโกะ (maiko) ซึ่งสวยงามและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
  • การเดินทาง : รถบัส: เดิน 5 นาที จาก Gion bus stop [รถบัสสาย 100, 206]
    รถไฟ: เดิน 5 นาที จาก Gion Shijo Station [Keihan Line]
    รถไฟ: จาก 10-15 นาที จาก Kawaramachi Station [Hankyu Line

กินข้าวเย็นที่ Mitsuya

JapanTrip_Day8_055มื้อเย็นของวันเดินเลือกกันอยู่นานค่ะ เพราะสถานีรถไฟอุเมดะมีร้านอาหารเยอะมากๆ กว่าจะมาได้ร้านนี้ก็ใช้เวลาวนกันหลายรอบเหมือนกัน ที่เลือกร้านนี้เพราะดูจะมีเมนูหลากหลาย และราคาไม่แพงมากนักค่ะ
JapanTrip_Day8_056เข้ามาด้านในแล้วก็พบว่าเค้าจัดร้านได้โอเคดี เพดานสูงดีค่ะ
JapanTrip_Day8_057อาหารที่ทานนั้นเลือกสั่งกันเป็นเมนูจานคู่ค่ะ
JapanTrip_Day8_061โดยเมนูนี้เค้าจะมีสองจานให้เราเลือกว่าจะทานอะไรบ้าง ก็จับคู่กันตามใจชอบเลยค่า
JapanTrip_Day8_103สปาเก็ตตี้
JapanTrip_Day8_062สเต็กก็รสชาติใช้ได้ ชิ้นใหญ่กำลังดี เข้ากันกับซอส และของทอดที่มาคู่กันค่ะ
JapanTrip_Day8_105

ราคาต่อคนประมาณ 1000 กว่าเยนนิดๆ แต่ปริมาณคุ้มค่ามากค่ะ

  • ชื่อ : Mitsuya
  • เมือง : โอซาก้า, ย่าน : Umeda (รถไฟใต้ดิน)
  • website : http://www.mitsuya.co.jp/
  • บทสรุป : ร้านนี้รสชาติโอเค ปริมาณมาเต็ม คุ้มราคา มีหลายเมนูให้เลือกดีค่ะ

วาฟเฟิลที่ร้าน Manneken

JapanTrip_Day8_063ก่อนจะกลับแวะซื้อวาฟเฟิลที่ร้าน Manneken (แมนเนเกน) ซึ่งเป็นวาฟเฟิลสัญชาติเบลเยี่ยมที่มีกลิ่นหอม และการัตีความอร่อยด้วยการมีคิวยาวคอยซื้ออยู่ตลอด
JapanTrip_Day8_106มีวาเฟิลหลายรสทั้งรสดั้งเดิม ช็อกโกแลต เมเปิ้ล อัลมอนด์  และรสพิเศษ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ชิ้นละ 120 เยน (ยังไม่รวม vat)ค่ะ
JapanTrip_Day8_107เมื่อถึงคิวแล้วก็จิ้มเลยค่ะว่าอยากจะลองเมนูไหน ครั้งนี้ที่ออฟลองซื้อมาเป็นเมนู Maple 151 เยน อันนี้จะออกแนววาฟเฟิลกรอบๆ มีกลิ่นเมเปิ้ลเล็กน้อย ทานแล้วจะหวานหน่อยค่ะ
JapanTrip_Day8_065อีกอันเป็นรส Butter Caramel 172 เยน อันนี้ด้านบนจะมีคาราเมลเคลือบอยู่ด้วย หวานกว่าอันแรกอยู่หน่อย แต่ก็อร่อยไปอีกแบค่ะ
JapanTrip_Day8_066ใบเสร็จจากทางร้าน
JapanTrip_Day8_108

  • ชื่อ : ร้านวาฟเฟิล Manneken
  • เมือง : โอซาก้า
  • ข้อมูลทั่วไป : ร้านวาฟเฟิลสัญชาติเบลเยี่ยมหอมกรุ่นจากเตา ที่มีคนมาต่อคิวยาวมากๆ วาฟเฟิลมีหลายรสทั้งรสดั้งเดิม ช็อกโกแลต เมเปิ้ล อัลมอนด์  และรสพิเศษ
  • websitewww.manneken.co.jp
  • บทสรุป : รสชาติวาฟเฟิล์อร่อยดีค่ะ กรอบหน่อยๆ และหวานกำลังดี จุดเด่นคือความหอมของวาฟเฟิลค่ะ

Leave a comment