รีวิวโดนใจ >> The Dining Room บุฟเฟ่ต์นานาชาติกับเทศกาลอาหารจีนกวางตุ้ง ที่Grand Hyatt Erawan
วันนี้ได้รับเชิญจากห้องอาหาร The Dining Room ซึ่งเป็นห้องอาหาร International Buffet ของโรงแรม Grand Hyatt Erawan โดยในครั้งนี้ที่ไปนั้นมีเทศกาลอาหารจีนกวางตุ้งอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งจะหมดเขตในวันที่ 29 กันยายน 2556 ใครที่อ่านมาเจอแล้วสนใจรีบไปเลยนะคะ ถ้าหากเริ่มสนใจกันแล้วก็มาดูกันเลยค่าว่าถ้าไปที่ห้องอาหารนี้แล้วจะเจอกับอะไรยังไงบ้าง
การเดินทางไปห้องอาหาร The Dining Room
เริ่มจากการเดินทางกันก่อนเลยค่ะ ขอบอกว่านี่เป็นโรงแรมที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกถึง 3 สถานนีด้วยกันไม่ว่าจะเป็นสถานีสยาม, สถานีชิดลม และสถานีราชดำริ ด้วยความที่ออฟไปหาไผ่ที่สีลมก็เลยเลือกที่จะมาลงรถไฟฟ้าที่สถานีราชดำริค่ะ จากนั้นก็ลงทางออกที่ 4 แล้วเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ก็จะเจอโรงแรมแกรนด์ไฮแอทค่า ซึ่งตอนขากลับเดินไปที่สถานีชิดลมพบว่าใกล้กว่ากันมากค่ะ เรียกได้ว่ามีทางเชื่อมจาก Sky Walk เข้าสู่ตัวโรงแรมเลย ถ้าใครมารถไฟฟ้าแนะนำลงสถานีชิดลมนะคะ
บรรยากาศของ The Dining Room
เมื่อเข้ามาในโรงแรมชั้น Lobby ได้แล้วจะพบห้องอาหารอยู่ทางซ้ายมือค่ะ เป็นห้องอาหารที่โปร่งมากๆ จนคิดว่าบางส่วนของโต๊ะเป็นโซนของล็อบบี้เลยทีเดียว ข้อเสียก็คือไม่มีป้ายชื่อของห้องอาหารที่ชัดเจนพอค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะรู้กันเองค่ะ แต่รอบนี้ออฟต้องโทรหาผู้ติดต่อมารับเพราะนึกว่าไม่ได้อยู่ชั้นล็อบบี้ค่ะ
ตัวห้องอาหารนี่จะมีสไตล์คลาสสิค ในกลางของห้องอาหารจะเป็นไลน์อาหารนานาชาติและอาหารไทยค่ะ โดยด้านข้างจะมีโซนขนมปัง สลัด และของหวานอยู่รอบๆ นอกจากนี้ก็ยังมีโซนของร้อนและ Grill Station รวมไปถึงอาหารญี่ปุ่น และอาหารซีฟู๊ดอยู่อีกด้วยค่ะ
โต๊ะและเก้าอี้ก็มีโทนสีน้ำตาลเป็นหลัก เข้ากับพื้นได้เป็นอย่างดีค่ะ บนโต๊ะมีอุปกรณ์การทานให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
เมนูของ The Dining Room
บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ : 920 บาท++/ เด็ก 460 บาท++
วันเสาร์ : 1,380 บาท++/ เด็ก 690 บาท++
บุฟเฟ่ต์มื้อสาย วันอาทิตย์ : 1,750 บาท++/ เด็ก 875 บาท++
บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี : 1,380 บาท++/ เด็ก 690 บาท++
วันศุกร์ – วันอาทิตย์: 1,750 บาท++/ เด็ก 875 บาท++
แพ็คเกจเครื่องดื่ม ราคา 790 บาท++ พร้อมไวน์ เบียร์ และน้ำอัดลม
ห้องอาหาร เดอะ ไดนิ่ง รูม เปิดให้บริการมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 12:00 – 14.30 น. และ มื้อค่ำในเวลา 18:00 – 22:30 น.
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร 0 2254 1234 หรืออีเมล bangkok.grand@hyatt.com
โซนอาหารจีนของห้องอาหาร The Dining Room
ขอเริ่มต้นกันด้วยอาหารจีนที่อยู่ในไลน์อาหารกันก่อนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหูหมูแก้ว กุ้งทอดครีมสลัด
ปลานึ่งซีอิ๊ว, หอยเชลล์ผัดซอส XO, เนื้อเป็ดผัดซอสพริกไทยดำ
ไก่แช่เหล้า
แต่จุดเด่นของค่ำคืนนี้อยู่ที่เป็ดค่ะ เป็นปักกิ่งตัวโต เมื่อนำมาแล่หนังบางๆ เรียงรายให้ทานไม่อั้นแบบนี้ใครจะอดใจไหวใช่ไหมคะ
การทานเป็ดปักกิ่งให้อร่อยให้ทานคู่กับแผ่นแป้ง และผักค่ะ ราดน้ำซอสหน่อย โดยทางโรงแรมมีให้เลือกสองแบบคือซีอิ๊วดำ กับซอสฮอยซินค่ะ
เมื่อเครื่องครบแล้วก็มาห่อกันเลยค่ะ ออฟชอบซอสที่เค็มๆ หวานๆ ดีค่ะ แป้งก็หนากำลังดี ห่อแล้วไม่แตกง่าย
ผักนี่เรียกว่าใส่ประกอบการถ่ายรูปค่ะ เพราะพอทานแล้วก็แอบเขี่ยออกจนรอบหลังนี่ขอมาแต่แตงกวาแล้วค่ะ ต้นหอมและพริกที่น่าสงสาร
สำหรับอาหารจีนอื่นๆ ก็ลองทานอย่างละนิดอย่างละหน่อยค่ะ ที่คิดว่าคนน่าจะชอบและทานได้ง่ายน่าจะเป็นกุ้งทอดครีมสลัดและหมูเปรี้ยวหวานค่ะ ซึ่งก็เป็นของทานเล่นที่ทานได้เพลินๆ ดี รสชาติไม่เข้มข้นมากนัก ดังนั้นไม่ต้องทานคู่กับข้าวก็ได้ค่ะ
เมนูผัดผักของโรงแรมที่ตอนแรกแอบตกใจในปริมาณหน่อยๆ แต่ทานไปแล้วก็เพลินๆ ดีค่ะ เมนูนี้ผัดผักนี้เป็น หอยเชลล์ผัดซอส XO ค่ะ ตัวหอยเชลล์นี่ก็ตัวไม่ใหญ่มากนักทำให้ผัดได้เข้ากันดีกับผักค่ะ ผักก็กรอบๆ ดี ไม่รู้เรียกว่าอะไร น่าจะเป็นถั่วลันเตาญี่ปุ่นค่ะ อันนี้คีบกันเพลินๆ สุดท้ายเหลือแต่หอยเชลล์เลยค่ะ
คนที่ไม่ชอบทานหนังเป็นก็เลือกทานเป็นเนื้อเป็ดผัดซอสก็ได้ค่ะ
โซนอาหารไทยของห้องอาหาร The Dining Room
ต่อกันด้วยเมนูอาหารไทยกันบ้างค่ะ โซนนี้ถึงจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ดึงแต่เมนูเด่นๆมาทั้งนั้นเลยค่ะ
เริ่มต้นกันด้วยน้ำพริกกะปิที่มีผักเครื่องเคียงเป็นผักทอด แถมยังมีปลาทู และผักลวกให้ทานคู่กันด้วยค่ะ
เมนูยำก็มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นยำหมูยอ, ยำส้มโอ ยำซีฟู๊ด หรือว่าส้มตำค่ะ
ออฟตักมาลองทานอย่างละหน่อยพบว่ารสชาติจืดไปหน่อย อย่างยำก็อาจจะเพิ่มความจัดจ้านได้อีกค่ะ
โซนอาหารซีฟู๊ดของห้องอาหาร The Dining Room
โซนซีฟู๊ดนี่ถือว่าจัดได้ลงตัวเพราะว่าตักได้ง่าย และไม่ถูกรุมล้อมเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าโซนที่จัดเป็นแบบวงรีซึ่งคนสามารถล้อมกันได้เต็มที่ บางห้องอาหารจะวางเอาไว้เรียงกันทำให้คนตักไม่ค่อยถนัดและมีพื้นที่ในการตักน้อยค่ะ ชั้นวางถัดจากโซนน้ำแข็งก็จะเป็นน้ำจิ้มต่างๆ พร้อมถ้วยให้เลือกตักไปทานกับอาหารซีฟู๊ดที่เลือกได้เลยค่ะ
ความโดดเด่นของซีฟู๊ดวันนี้อยู่ที่หอยนางรมค่ะ ซึ่งก็ตัวใหญ่ทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีหอยแมลงภู่ และกุ้งให้เลือกทานกันด้วยค่ะ
ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์นี่จะเต็มอิ่มไปด้วยปูนะคะ เค้าบอกว่าที่นี่เป็นที่ที่เราสามารถมาทานปูแบบบุฟเฟ่ต์กันได้ด้วยแบบไม่ต้องออกแรงแกะเยอะเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นแรงจูงใจมากๆ จะเก็บไว้เป็นตัวเลือกสำหรับงานฉลองวันเกิดพี่สาวที่รักปูยิ่งชีพเลยค่ะ
โซนอาหารญี่ปุ่นของห้องอาหาร The Dining Room
สำหรับโซนอาหารญี่ปุ่นก็เป็นสัดส่วนดีค่ะ มีทั้งแบบข้าวปั้นและโรลที่ทำเสร็จแล้ว ส่วนซาชิมิอยู่โซนเดียวกับอาหารซีฟู๊ดเลยค่ะ
ครั้งนี้ทางห้องอาหารจัดจานมาให้สวยมากๆ เรียกได้ว่าจานนึงมีปลาครบ เรียงสีสันได้ลงตัว เสริ์ฟมาพร้อมกับไชเท้าหั่นฝอยเพิ่มมิติ ของดอง และวาซาบิเลยค่ะ
ครั้งนี้ส่วนใหญ่ออฟจะทานแต่ข้าวปั้นค่ะ เพลิดเพลินกับเป็ดมากไปหน่อยจนลืมกินซาชิมิไปเลย
โดยรวมแล้วถือว่ามีตัวเลือกอาหารญี่ปุ่นให้เยอะใช้ได้ค่ะ คุณภาพของปลาถือว่าโอเคอยู่ แต่ของบางอย่างทิ้งไว้นานแล้วอาจจะอร่อยได้ไม่เท่ากับตอนเพิ่งทำค่ะ
โซนขนมปังและชีสของห้องอาหาร The Dining Room
โซนขนมปังกับชีสนี่เก็บรูปมาให้เชยชมกันค่ะ ที่นี่เรียงขนมปังได้เก๋จนไม่กล้าหยิบเลย มีให้เลือกหลายแบบและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักดีค่ะ
ชีสก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน แต่ออฟไม่ใช่คอชีสเท่าไหร่ ก็เลยขอผ่านค่ะ
โซนสลัดของห้องอาหาร The Dining Room
โซนสลัดก็อยู่ใกล้กับโซนซีฟู๊ดค่ะ มีผักให้เลือกพอประมาณแต่ความเด็ดอยู่ที่ผักสดทั้งหลายมาจากสวนที่ทางโรงแรมปลูกเองค่า ซึ่งก็มีน้ำสลัดให้เลือกทานอยู่หลากหลายใช้ได้เลยค่ะ
ซึ่งพอมาโซนสลัดทีไรออฟก็ต้องเลือกทานซีซาร์สลัดทุกทีค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชอบกินผัก ชีส หรือเบคอนกันแน่ แต่ผสมกันแล้วลงตัวมากๆ ถ้ามีให้เลือกเมื่อไหร่ไม่พลาดแน่นอนค่ะ
ผักของที่นี่สดและกรอบดีมากๆค่ะ เบคอนนี่ก็ใส่ได้เต็มที่กันไปเลย โรยชีสเข้าไปแบบไม่ต้องกลัวอ้วนอีก เมื่อไผ่คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว ก็เหลือแต่ออฟเสกให้หายเข้าท้องค่า
โซนGrillของห้องอาหาร The Dining Room
Station นี้ดูจะเป็นโซนที่วุ่นวายสุดของห้องอาหารค่ะ เนื่องด้วยด้านหน้าจะมีหม้อเก็บความร้อนใส่อาหารอยู่ ส่วนด้านหลังก็จะมีพ่อครัวคอยหั่นอาหารย่างต่างๆให้ค่ะ
เมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือ แกะค่ะ ที่นี่เค้าย่างได้กำลังดีมากๆ เนื้อแกะนุ่ม ไม่สาบเลย ราดด้วยซอสไวน์แดงเข้าไปอีกหน่อย ดับกลิ่นด้วยเยลลี่มินต์อีกนิด เนื้อใดๆ ก็ชิดซ้ายไปเลยค่ะ
สำหรับฟรัวกราส์นี่ก็โดดเด่นไม่แพ้แกะเลย ตรงที่ชิ้นหนาและใหญ่ทานได้เต็มคำดีมากๆ ทานคู่กับซอส แอพปริคอตเปรี้ยวหน่อยๆ ก็ตัดกันได้ลงตัวดีค่ะ
โซนของร้อนของห้องอาหาร The Dining Room
โซนของร้อนนี่อยู่ด้านหน้าของ Grill ค่ะ มีหม้อเรียงรายพร้อมซอสและเครื่องปรุงต่างๆ อย่างครบเลยทีเดียว
ตอนที่ไปเดินนี่หม้อผ่านสมรภูมิรบมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็เลยเหลือโหรงเหรงไปนิด แต่รสชาตอาหารนั้นอัดแน่นมาเต็มที่แน่นอนค่ะ
Line ของหวานของห้องอาหาร The Dining Room
ไลน์ที่ออฟมักจะมุ่งหน้าไปก่อนเลยก็เป็นไลน์ของหวานนี่แหละค่ะ ต้องลืมตัวไปสำรวจก่อนทุกครั้งเลย คงเป็นเพราะส่วนตัวเป็นคนชอบทานของหวานอยู่แล้วด้วยค่ะ ก็เลยชอบโซนนี้เป็นพิเศษ
ขอเริ่มต้นจากทางซ้ายสุดที่เป็นฟองดูกันก่อนเลยค่ะ มีผลไม้สดให้ทานคู่กันหลายอย่างทีเดียว แต่ครั้งนี้ไม่ได้ลองค่ะ อิ่มมากๆ แอบเสียใจอยู่นิดๆ
สำหรับเค้กก็มีให้เลือกหลายแบบไม่ว่าจะเป็นชีสเค้ก
เค้กทุเรียนที่แค่เห็นรูปลักษณ์ก็ดึงความสนใจไปเต็มๆ แล้วค่ะ
เค้กคาราเมล
รวมไปถึงข้าวเหนียวมะม่วง และขนมไทยๆ ก็มีให้เลือกเยอะทีเดียวค่ะ
มาดูเค้กที่ออฟลองทานกันบ้างค่ะ เริ่มต้นด้วยนิวยอร์คชีสเค้กกันก่อน เนื้อชีสเค้กนุ่มดีทีเดียวค่ะ แต่ก็เป็นเนื้อเดียว
สำหรับเค้กที่ออฟชอบเป็นพิเศษก็เป็นบลูเบอร์รี่ค่ะ อันนี้เปรี้ยวหวานลงตัวดีจริงๆ แต่หนุ่มๆ อาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
อย่าลืมปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วงนะคะ
รายการเครื่องดื่มที่ทานที่ The Dining Room
เมนูน้ำปั่นที่ผสมรวมผลไม้หลายอย่าง ซึ่งรสชาติแปลกๆ ไปหน่อยค่ะ
ชาลิ้นจี่นี่สามารถเพิ่มน้ำเชื่อมได้ตามความหวานที่ต้องการเลยค่ะ อันนี้ออฟชิมของพี่บุ๊งไปหน่อยคิดว่าอร่อยดีค่ะ
ชาร้อน ปิดท้ายแค่นี่ค่ำคืนนี่ก็ฟินเต็มที่เลยค่ะ
การทานอาหารที่ The Dining Room
การทานอาหารที่ห้องอาหารนี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ดังนั้นบนโต๊ะจะมีอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วค่ะ รวมไปถึงผ้าเช็ดปากและแก้วน้ำเปล่าด้วย
เมื่อคนพร้อม ท้องหิวก็เดินไปตักกันให้เต็มที่ไปเลยค่า
บทสรุปจากการทานที่ The Dining Room
- เนื่องด้วยวันที่ไปเป็นวันหลังจากวันเกิดออฟวันเดียว พอทางโรงแรมทราบเลยจัดเค้กมาการองราสเบอร์รี่มาให้เป่าค่า ดีใจมากๆเลย แถมมาการองก็อร่อยมากๆ ด้วยค่ะ
- โดยรวมแล้วห้องอาหารนี้คัดสรรแต่อาหารคุณภาพมาให้เลือกทาน ถึงความหลากหลายจะไม่มากแบบที่มีเรียงรายในห้องใหญ่โต แต่ความอร่อยก็เติมเต็มได้จนล้นเลยค่ะ
- บรรยากาศของห้องอาหารค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีการบันเลงเพลงสากลคลอด้วยนักดนตรีเล่นกันสดๆ เพิ่มความรื่นรมย์ในการทานมากยิ่งขึ้น
- จุดเด่นของอาหารในการทานครั้งนี้สำหรับออฟคือ เป็ดปักกิ่ง แกะ และฟัวกราส์ค่ะ ทานแล้วติดใจมากๆ
- ของหวานก็มีให้เลือกหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเค้ก ไอศกรีม ฟองดู ขนมไทย ข้าวเหนียวมะม่วง ละลานตามากๆค่ะ
Gallery จาก The Dining Room
ข้อมูลทั่วไปของ The Dining Room
ที่อยู่ The Dining Room โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ : 494 อาคาร ชั้นล็อบบี้ โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
สาขา : โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
เบอร์โทรศัพท์ The Dining Room โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ :0-2254-1234
เว็บไซต์ :www.bangkok.hyatt.com
การเดินทาง The Dining Room โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ :aจากแยกราชประสงค์ ให้เลี้ยวมาทางถนนเพลินจิต จะเห็นโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ อยู่หัวมุมสี่แยกราชประสงค์ ตรงข้ามกับห้างโซโก้ ห้องอาหารเดอะไดนิ่งรูม อยู่ชั้นล็อบบี้ ภายในโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
ที่จอดรถ : บริเวณลานจอดรถของโรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ
บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ : 920 บาท++/ เด็ก 460 บาท++
วันเสาร์ : 1,380 บาท++/ เด็ก 690 บาท++
บุฟเฟ่ต์มื้อสาย วันอาทิตย์ : 1,750 บาท++/ เด็ก 875 บาท++
บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี : 1,380 บาท++/ เด็ก 690 บาท++
วันศุกร์ – วันอาทิตย์: 1,750 บาท++/ เด็ก 875 บาท++
แพ็คเกจเครื่องดื่ม ราคา 790 บาท++ พร้อมไวน์ เบียร์ และน้ำอัดลม
ห้องอาหาร เดอะ ไดนิ่ง รูม เปิดให้บริการมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 12:00 – 14.30 น. และ มื้อค่ำในเวลา 18:00 – 22:30 น.
Leave a comment