รีวิวโดนใจ >> Resorts World Genting แหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของมาเลเซีย
สำหรับคนที่เพิ่งเคยไปมาเลเซียครั้งแรกอย่างออฟ การเดินทางไป Resorts World Genting ตั้งแต่วันที่ 21-23 ตุลาคม 2555 ครั้งนี้ช่างน่าตื่นเต้นจริงๆค่ะ แถมยังเป็นการเดินทางร่วมกับบล็อกเกอร์จากหลายวงการไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เป็นช่วงเวลาที่มีเรื่องราวมากมายให้เล่าจริงๆ
การเริ่มต้นแบบทุลักทุเล
การเดินทางร่วมกับสายการบิน Air Asia ที่เวลา Delay ไปเกือบสองชั่วโมงทำให้แผนต่างๆ ที่ได้วางเอาไว้ถูกปรับเปลี่ยนไปจนหมดค่ะ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ทำให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมเดินทางของเราในครั้งนี้ ได้มีช่วงเวลาในการพูดคุยทำความสนิทสนมกัน ก่อนที่จะต้องร่วมเดินทางกันไปอีกหลายวัน และทำให้ออฟได้รู้ว่าการเตรียมตัวไปเที่ยวนี่ก็สำคัญจริงๆค่ะ ออฟมาแบบไม่ได้เตรียมอะไรเลย กะว่าอากาศน่าจะไม่แตกต่างไปจากบ้านเราเท่าไหร่ ทำให้จัดกระเป๋าแบบมีแต่ชุดเดรสแขนกุด กระโปรงยาว และไม่มีกางเกงยีนส์ กับเสื้อกันหนาวไปเลยค่ะ การพูดคุยในช่วงรอเครื่องทำให้รู้ว่า อากาศที่ genting น่าจะประมาณ 16- 24 องศา ซึ่งชุดที่ออฟเตรียมมาไม่น่าจะเข้ากับอากาศที่นู่นได้เลย แต่ณ จุดนั้นก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ค่ะ กะว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหาซื้อเสื้อผ้าที่นู่นเอา
Tips >> คนที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยวอย่าลืมเช็คอากาศก่อนนะคะ เพราะว่าถ้าคนขี้หนาวขอบอกว่าอากาศหนาว และมีลมแรงจริงๆ ไม่เตรียมเสื้อกันหนาวไปอาจจะเที่ยวไม่สนุกได้ แล้วก็อย่าลืมเตรียมยาแก้หวัด แก้ไข้ไปด้วยนะคะ
การเดินทางจากสนามบินสู่ Genting Malaysia
เมื่อเข้าสู่น่านฟ้าประเทศมาเลเซียก็มีความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นอีกนิดค่ะ ยามเมื่อได้เห็นเมืองในมุมสูง จุดเล็กๆที่มองก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น จนกระทั่งเครื่องบินลงจอดพร้อมฝนที่พรั่งพรู ก็ได้พบว่าสนามบินที่นี่เค้าไม่มีที่เชื่อมไปยังอาคารผู้โดยสารนะคะ ดังนั้นก็ใช้สองขาก้าวเดินกันไปค่ะ ตอนลงจากเครื่องบินก็มีพนักงานคอยส่งร่มให้เราเดินไปยังทางเดิน ก็สนุกดีค่ะ รองเท้าเปียกไปหมดเลย ดีใจนิดหน่อยที่ไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบ อากาศรอบๆตัวหลังจากที่ลงเครื่องเย็นสบายกำลังดีค่ะ
Tips >> ของติดตัวขึ้นเครื่องบินไม่ควรเยอะมากนะคะ เพราะว่าต้องเดินจากตัวเครื่องไปยังอาคารไกลเอาเรื่องอยู่ ส่วนสาวๆ ก็ควรจะใส่รองเท้าที่เดินสบายหน่อยนะคะ ไม่งั้นถ้าเมื่อยตั้งแต่เริ่มเดินทางอาจจะไม่สนุกไปทั้งทริปได้
หลังจากที่ตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถตู้ไปยัง Genting Malaysia (ถ้าไปกันเองก็มีรถบัส และรสแท็กซี่ไปนะคะ) ใช้เวลาเดินทางยาวนานพอสมควรเพราะฝนตกหนัก และหมอกลงจัดมาก ตอนที่ขึ้นเขาเข้าสู่ เกนติ้ง ไฮแลนด์นั้นรถจะขับได้ช้ามากๆค่ะ รวมๆ เกือบสองชั่วโมงทีเดียว จริงๆ ที่นี่มีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปด้วยนะคะ แต่ครั้งนี้เค้าปิดซ่อมอยู่ก็เลยอดนั่งเลย ถนนขึ้นไปกว้างและดูปลอดภัยมากๆค่ะ เพราะเป็นการทำทางแบบไม่ต้องสวนเลนกัน แถมมีจุดตรวจความปลอดภัยถึง 2 จุดด้วยค่ะ
Tips >>คนเมารถควรนั่งด้านหน้านะคะ แล้วก็ถ้าคิดว่าไม่ไหวจริงๆ ควรจะทานยาแก้เมาไว้ด้วย เพราะทางขึ้นเขา คดเคี้ยวเลี้ยวลดอยู่เหมือนกันค่ะ
อาหารมื้อแรก…ทุเรียนมาเลเซีย
หลังจากที่ออฟได้ทานมินิโดนัทอันจิ๋วไปตอนเช้า เพราะกะว่าจะมีของทานบนเครื่อง ก็ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลยค่ะจนถึงประมาณบ่ายสามโมงที่รถมาจอดให้ลงไปทานทุเรียน ขอบอกว่าเป็นการจอดเพื่อลงไปทานทุเรียนกันอย่างจริงจังค่ะ ถึงแม้ว่ารอบๆ จะมีร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงเซเว่น แต่เค้าก็อยากให้เราลองทานทุเรียนบ้านเค้ามากๆค่ะ ทุเรียนที่นี่จะลูกเล็กคล้ายพันธ์ชะนีบ้านเรา ส่วนรสชาติก็หอมกำลังดี แต่หวานมากๆค่ะ เนื้อฉ่ำเพราะสุกจัด จับแล้วบุ่มลงไปเลยค่ะ อุปกรณ์การทานก็พร้อม มีถุงมือให้ใส่จะได้เละกันได้เต็มที่ มีกระดาษทิชชู่ให้เช็ด
งานนี้พี่ๆ เพื่อนๆ หลายคนถึงกับส่ายหน้า เพราะส่วนหนึ่งไม่ชอบทานทุเรียน และอีกส่วนหนึ่งคือไม่อยากทานอะไรหนักๆ ตอนที่ท้องว่าง แต่สำหรับออฟนั้น เค้ามีให้ลองเท่าไหร่ ออฟก็จัดเต็มค่ะ ทานไปหลายพูอยู่ แต่ก็ไม่กล้าทานเยอะ เพราะรู้ว่าอีกชั่วโมงต่อมาเราจะได้กินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสี่โมงกันแล้วค่า
Tips >> ตอนนี้ใครปวดห้องน้ำสามารถแวะเข้าห้องน้ำกันได้นะคะ หรือใครอยากจะลิ้มลองมาม่าของที่นี่ก็มีร้านสะดวกซื้อที่คนขายพูดไทยได้ด้วยค่า
Vegetarian Restuarant...กินมังสวิรัติสำหรับคนทานเจ
เนื่องด้วยช่วงที่ไปเป็นช่วงเวลาทานเจของใครหลายๆคน ดังนั้นก็เลยได้มาทานอาหารมังสวิรัติกันค่า แต่ตอนที่มาถึงร้านพบว่าคนที่ทานเจ ก็ได้เจแตกกันไปหมดแล้ว แต่ก็ถือว่าได้มาลิ้มลองรสชาติอาหารในอีกรูปแบบนึงที่คงไม่ได้ทานกันบ่อยๆค่ะ ทางร้านตกแต่งออกสไตล์จีนจ๋ามากๆ โต๊ะกลมๆ พร้อมถาดหมุนตรงกลางก็ดูคุ้นเคยกันดีค่ะ
เมนูอาหารในมื้อนี้ก็มี 7 อย่างค่ะ เริ่มต้นกันด้วยซุปมันฝรั่งและแครอทร้อนๆ ที่ช่วยปรับอุณหภูมิในตัวเราให้อุ่นขึ้น
ตามมาด้วยผัดผักบล็อคโครี่และเห็ด งานนี้คนทานเห็ดต้องชอบมากๆแน่ค่ะ แต่ออฟคนไม่ถูกกับเห็ดก็อร่อยกับบล็อกโคลี่ได้เหมือนกันค่า
จากนั้นก็เป็นผัดวุ้นเส้นรากบัว ผัดผัก และที่โดนใจคนในโต๊ะมากๆ น่าจะเป็นเต้าหู้ทรงเครื่องค่ะ
อันนี้ออฟว่าก็ทานง่ายดี นุ่มๆ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี แต่เมนูปิดท้ายเป็นแกงกะหรี่ค่ะ เมนูนี้ไม่ค่อยมีคนทานเลย ออฟว่ารสชาติเข้มไปหน่อยค่ะ เมื่อทานกันอิ่มแล้วก็ได้ไปถ่ายรูปรูปปั้นด้วยค่ะ แต่ฝนตกเลยไม่ได้ถ่ายบรรยากาศรอบๆ ของร้านนี้เท่าไหร่เลย
เข้าที่พัก First World Hotel
First World Hotel เป็นโรงแรมที่มีห้องพัก 6,118 ห้อง ซึ่งเคยเป็นโรงแรมที่มีห้องพักที่เยอะที่สุดด้วย (ตอนนี้อยู่อันดับ 2) โดยโรงแรมนี้จะถูกออกแบบให้สีรอบอาคารเป็นสีสันสดใส เข้ากับบรรยากาศของสวนสนุกด้านนอก โดยราคาห้องพักก็มีแบ่งเป็นหลายระดับตามความหรูหราที่ต้องการ เคาเตอร์เช็คอินเหมือนกับคิวซื้อตั๋วหนังในบ้านเราเลยค่ะ ห้องพักที่ไปอยู่ชั้น 24 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโรงแรม ประตูลิฟต์จะช้าๆ หน่อย ก็อย่าใจร้อนไปนะคะ มาถึงหน้าห้องแล้วก็เข้าด้วยคีย์การ์ด ที่ด้านหลังมีวิธีใช้อยู่ด้วยค่ะ
ไฟในห้องจะถูกควบคุมด้วยคีย์การ์ดดังนั้นมาถึงแล้วก็เสียบคีย์การ์ดก่อนชื่นชมบรรยากาศในห้องนะคะ ห้องพักเป็นห้องแพงสุด มีเตียงขนาด 5 ฟุต สองเตียง มีโซฟา ทีวีขนาดใหญ่ ตู้เย็นให้ค่ะ ในห้องจะไม่มีแอร์นะคะ มีแต่พัดลมเท่านั้น แต่ไม่ต้องกลัวร้อนค่ะ เพราะความสูงระดับนี้อากาศเย็นตลอดเลยทีเดียว กระจกหลังม่านโปร่งก็สามารถเปิดรับลมหนาวจากด้านนอกได้ด้วย
ห้องน้ำขนาดกำลังดีมีแยกส่วนอาบน้ำกับโถส้วมด้วยบานเลื่อน อุปกรณ์อาบน้ำและของใช้ทางโรงแรมก็เตรียมไว้ให้ครบแล้วค่ะ มีไดร์เป่าผมให้ใช้ด้วย แต่ส่วนอาบน้ำออฟว่าขาดที่วางของไปหน่อยค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำที่เอาไปเอง ก็เลยต้องไปกองอยู่ที่พิ้น แต่ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ น้ำที่อาบมีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น สามารถปรับระดับความร้อนเย็นได้เอง แต่ถ้าเครื่องทำน้ำร้อนเสีย แนะนำว่าควรจะบอกให้ทางโรงแรมทราบและซ่อมให้นะคะ ไม่งั้นหนาวแย่เลย
Tips >> ปลั๊กในห้องจะไม่เหมือนบ้านเรานะคะ ดังนั้นควรเตรียมหัวแปลงไฟไปด้วย สำหรับมือถือที่หัวเป็น USB อันนี้ทางโรงแรมมีรูเสียบแบบ USB ไว้ให้ด้วยนะคะ คนที่มีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟเยอะๆ ควรจะเตรียมรางปลั๊กไปเองด้วย เพราะว่าเต้าเสียบของโรงแรมมีน้อยค่ะ มีแค่สองอันที่โต๊ะอ่านหนังสือ กับในห้องน้ำเท่านั้น
Dinner มื้อแรก...บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ
Coffee Terrace เป็นร้านอาหารบุฟเฟ์นานาชาติที่รวมเมนูอาหาารจากที่ต่างๆ มาให้เราได้ทานกันอย่างเต็มที่ ต้องบอกว่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์กับช่วงเวลานั้นเป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังหิวโหย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว แต่ออฟก็คิดว่าพลังงานที่สูญเสียไประหว่างการเดินทาง ถ้าไม่เติมเต็ม อาจจะทำให้เที่ยวไม่สนุกได้ค่ะ
เนื่องจากมีเวลาจำกัด เพราะว่าไลน์อาหารจะปิดในอีก 45 นาที ดังนั้นช่วงแรกจึงเป็นช่วงเวลาที่ให้ไปตักอาหารที่อยากทานมาไว้ที่โต๊ะก่อนค่ะ
สิ่งที่ออฟโปรดปรานและไปตักเป็นอย่างแรกเลยก็คือของหวาน ซึ่งโซนของหวานก็มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ไม่ว่าจะชอบกิน เค้ก พาย มูส พานาค็อตต้า ทีรามิสุ เยลลี่ รวมไปถึงผลไม้ก็มีให้เลือกทานได้อย่างเต็มอิ่มค่ะ
ต่อจากของหวานก็เป็นเมนูหลักอย่างเนื้อค่ะ ก็ตักมาลองทานทุกอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อวัว รวมไปถึงเนื้อแกะด้วยค่ะ ซึ่งก็มีซอสให้เลือกเพื่อเพิ่มรสชาติด้วยนะคะ
นอกจากนี้จะตัดความเลี่ยนของเนื้อออฟก็เลยตัดสลัดมาทานด้วยค่ะ น้ำสลัดสีชมพูรสชาติบาดลิ้นไปหน่อย แต่ผักสดๆ ทานคู่กับเนื้อก็เข้ากันได้ดีค่ะ
เมนูอาหารญี่ปุ่นก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่เช่นเคย ออฟลองทานเนื้อปลาแซลมอน และปลาทูน่าก็สดใช้ได้ค่ะ
ถึงแม้ข้าวปั้นจะเย็นชืดไปหน่อยก็ตาม แต่ก็ยังมีเมนูโซบะทั้งแบบเย็นและร้อนให้ทานกันด้วยนะคะ
ในโซนของNyonya Food ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวจีน-มาเลย์ หรือ จีน-สิงคโปร์ ก็มีหลายเมนูที่น่าลองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นข้าวมันไก่ หรือหมูสะเต๊ะ ก็รสชาติใช้ได้ทั้งนั้น แถมพ่อครัวยังใจดีด้วยค่ะอย่างข้าวมันไก่เค้าก็มีหลายแบบ ออฟก็ดันอยากลองหมดเลยก็ได้สมใจเลยค่ะ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูเครื่องดื่มอย่างชาชักที่เข้มข้น แต่ออกจะหวานไปหน่อยสำหรับคนอื่นๆ แต่กับออฟก็คิดว่าโอเคอยู่ค่ะ ถ้าได้น้ำแข็งทานด้วยกันน่าจะพอดีทีเดียว
อาหารเช้าของวันใหม่แบบเบาท้อง
หลังจากที่นอนหลับสบายในห้องแล้วตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมหมอกหนาแล้ว ก็กลั้นใจอาบน้ำเย็นแล้วแต่งตัวลงมาทานอาหารเช้าข้างล่างค่ะ พอดีเครื่องทำน้ำอุ่นที่ห้องเสีย เกือบจะไม่อาบน้ำแล้ว เพราะอากาศหนาวและน้ำเย็นเอาเรื่องอยู่ทีเดียว พอลงมาทานมื้อเช้าก็ตัดสินใจว่าจะทานอะไรเบาๆ เพราะเดี่ยวมีโปรแกรมไปสวนสนุก ดังนั้นเมนูที่ส่วนใหญ่จะทานกันก็คือบะหมี่เกี้ยวน้ำ และโรตีกล้วยค่ะ
ออฟชอบบะหมี่เกี๊่ยวน้ำที่คล่องคอดี และเก๊้ยวนุ่มและมีเนื้ออัดแน่นอยู่ด้านใน
ส่วนโรตีเสริฟพร้อมกับแกง รสชาติคล้ายมัสมั่นค่ะ ทานคู่กันก็เข้ากันดีมากๆ ยิ่งคำที่มีกล้วยด้วยแล้วจะฟินมากๆ
แต่จะลองทานแบบโรยน้ำตาลออฟว่าก็ไปกันได้เหมือนกันค่ะ
Theme Park...สวนสนุกสุดหรรษา
การมาเที่ยวสวนสนุกในอากาศประมาณ 17 องศาและมีฝนตกปรอยๆ นิดๆ อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะนัก แต่เครื่องเล่นที่นี่ก็น่าเย้ายวนใจให้ลองเล่นซักครั้ง ดังนั้นถึงแม้ว่าออฟจะใส่ชุดเดรสยาวก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ
เครื่องเล่นอันแรกที่ไปเล่นชื่อ Spinner เป็นเหมือนม้าหมุนขนาดใหญ่ที่จะพาเราล่องลอยไปตามแรงเหวี่ยง อันนี้เป็นเหมือนออเดิร์ฟที่รองท้องค่ะ ไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ แล้วก็ได้รับลมเย็นๆ สบายๆดี ไม่มีช่วงมวนหรือเสียวท้องเลยค่ะ แต่คนที่ไม่ชอบอะไรหมุนๆ อาจจะไม่โดนใจเท่าไหร่
จากนั้นก็เพิ่มระดับเครื่องเล่นกันด้วย Cockscrew หรือรถไฟเหาะตีลังกาค่ะ อันนี้เพิ่มความเสียวท้องและความตื่นเต้นขึ้นมาอีกระดับ ด้วยมีการตีลังกาและความเร็วตอนที่รถไฟหมุนนั้นเรียกเสียงกรี๊ดจากออฟไปได้ไม่น้อยเลยค่ะ
แล้วมาต่อกันด้วยเครื่องเล่นท้าทายความสูงอย่าง Space shot ที่จะพาเราขึ้นไปบนความสูงกว่า 185 ฟุต ด้วยความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโม ช่วงที่เครื่องเล่นพาเราขึ้นไปยังจุดสูงสุดนั้นขอบอกว่าถ้าไม่ใจกล้าจริงอย่ามองลงไปข้างล่างค่ะ ออฟชอบความเสียวท้องเวลาที่เครื่องเล่นพาเราดิ่งลงด้วยความเร็วสูง และขึ้น และลงอีกครั้งอย่างละระดับ เหมือนเราถูกเขย่าตัวอยู่เลยค่ะ
เครื่องเล่นที่บ้านเรายังไม่เคยเห็นเลยก็คือ Flying Coaster ซึ่งจะพาเราบินไปกับเครื่องเล่น ความแตกต่างจากเครื่องอื่นๆ ก็คือ เรานอนเล่นค่ะ ตอนเริ่มต้นจะเริ่มจากท่ายืน โดยเข้าไปในที่ที่เหมือนแคปซูล จากนั้นตอนเริ่มก็จะมีการปรับระดับให้เรานอนขนานกับพื้น แล้วค่อยๆ พาเราบินขึ้นสูงเป็นเกลียวขึ้นไป ก่อนที่จะพาเราบินแบบสุดเหวี่ยงค่ะ ความเสียวจะเพิ่มมากขึ้นถ้าเราอยู่ริม เพราะจะกลัวว่าจะบินชนเหล็กของเครื่องเล่นรึเปล่าค่ะ
ปิดท้ายกันด้วยการกล่อมและโยกเบาๆของไวกิ้งหรือ Pirate Ship ค่ะ เรือโจรสลัดลำนี้ใหญ่สู้บ้านเราไม่ได้ค่ะ ดังนั้นความสูงที่เครื่องเล่นพาไปถึงก็เลยไม่สูงมากนัก ส่วนความเร็วในการแกว่งก็ไม่เร็วมาก เหมือนกับการโยกชิงช้ามากกว่าค่ะ
จริงๆ แล้วตั๋วที่ใช้เป็นแบบ All-Day ซึ่งสามารถที่จะเล่นได้ทั้งวัน ทั้งส่วนที่อยู่ข้างนอกอาคาร และส่วนที่อยู่ในอาคารด้วยค่ะ คนที่มากันเป็นครอบครัวและมีเด็กๆ ก็มีเครื่องเล่นที่ไม่หวาดเสียวมากให้เล่นอยู่เยอะเหมือนกันนะคะ
โต๊ะจีนสุดหรูสำหรับมื้อเที่ยงที่ Chinese-Thai cuisine
หลังจากเล่นเครื่องเล่นกันมาเต็มที่ ท้องที่เคยมีอาหารเช้าอยู่ก็ถูกย่อยไปอย่างรวดเร็วค่ะ ดังนั้นก็ถึงเวลาอาหารมื้อเที่ยงของวัน ซึ่งได้ไปทานที่ร้าน Chinese-Thai cuisine ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนสุดหรูค่ะ โดยในร้านจะมีส่วนที่เป็นห้องส่วนตัว และโต๊ะนั่งด้านนอก
ซึ่งครั้งนี้ก็ได้ทานในห้องส่วนตัวค่ะ มี 2 โต๊ะใหญ่ด้วยกัน เมนูอาหารที่วางไว้ให้ก็ทำให้น้ำย่อยในกะเพาะทำงานอย่างแข็งขันแล้วค่ะ
เมนูรองท้องก็เริ่มต้นด้วยข้าวเกรียบปลา สลัดเห็ดและ เป็ดรมควันค่ะ เป็นรายการอาหารรองท้องที่ทำได้ดีทีเดียว
ออฟชอบทานข้าวเกรียบมากๆ เพราะกรอบๆดีค่ะ จากนั้นก็เป็นเมนูซุปเปรี้ยวเผ็ด ซึ่งอันนี้รสจัดจ้านไปหน่อย แต่ซดร้อนๆ ก็โอเคดีค่ะ
ตามติดมาด้วยเมนูปลาอย่างปลาบู่นึ่งพร้อมกระเทียมและขิงค่ะ เนื้อปลาสดนุ่ม รสชาติออกเค็มๆ นิดๆค่ะ
เมนูที่โดดเด่นของมื้อนี้เป็นเมนูกุ้งมังกรคู่ค่ะ (ออฟตั้งชื่อเอาเองนะคะ ^ ^) เป็นเมนูที่นำกุ้งส่วนหัวไปอบชีส ส่วนตัวเอาไปทอดกรอบค่ะ
คนที่ชอบทานหัวกุ้งน่าจะโปรดปรานเมนูนี้มากๆ
เมนูต่อไปเป็นเมนูหอยเชลล์ค่ะ ทางร้านนำไปผัดกับน้ำมันมะกอก ทานแล้วกรุบๆดี อาหารจีนถ้าขาดผัดผักก็จะดูไม่ค่อยครบเท่าไหร่ ดังนั้นเมนูผัดผักกับไข่เค็มของทางร้านก็เลยเสริฟมาให้ทานกันค่ะ
ต่อดันด้วยเมนูข้าวผัดที่มาพร้อมกับกระดูหมูซอสกาแฟ ตอนนี้คนที่ยังไม่อิ่มถ้าได้ข้าวผัดหนักท้องหน่อยน่าจะเริ่มตึงๆ กันแล้วคะ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานอย่างทุเรียนทอดพร้อมน้ำปั่น
เมนูนี้มีรสชาติติดปากและโดดเด่นมากๆค่ะ ตอนที่ใช้มีดตัดไส้ด้านในก็ทะลักออกมาเลยค่ะ ออฟชอบมากๆ เพราะดูแปลกใหม่ดี แล้วน้ำปั่นที่เสริฟมาคู่กันก็ช่วยล้างรสทุเรียนออกไปได้ด้วยค่ะ
ท้าความหนาวกันที่ Snow World
หลังจากอิ่มอร่อยกันไปแล้วก็มาท้าทายความหนาวกันที่ Snow World เมืองหิมะกันหน่อยค่ะ ข้างในอุณหภูมิติดลบดังนั้น ถ้าเอามือถือหรือกล้องเข้าไปอาจจะพังได้นะคะ ให้ฝากไว้ข้างนอก เค้าจะมีล็อกเกอร์ให้ใส่ของมีค่าค่ะ ส่วนอุปกรณ์กันหนาวก็เลือกเสื้อกันหนาวตามขนาดตัว จากนั้นไปเลือกรองเท้า และถุงมือกันหนาวกันได้เลยค่ะ เมื่อพร้อมแล้วก็เข้าไปลุยกับอากาศติดลบได้เลย
ข้างในเค้าจะจัดให้เหมือนเป็นเมืองๆ นึง แถมมีส่วนที่ให้เล่นสไลด์ลงมาจากด้านบนได้ด้วยค่ะ ออฟลองไปเล่นทีนึงก็สนุกดี แต่ตอนที่ลากห่วงขึ้นบันไดไปนั้น ต้องให้พี่ที่ไปด้วยกันช่วยค่ะ เพราะหนักและเอาขึ้นไปลำบากอยู่เหมือนกัน ถ้าเดินขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นด้านล่างชัดดีค่ะ แล้วก็ได้เข้าใกล้ส่วนที่ปล่อยเกล็ดน้ำแข็งออกมาด้วย ที่นี่เป็นเหมือนที่ฝึกต้านความหนาวเลยค่ะ เพราะหลายๆคนที่เข้ามาแล้วออกไปพบว่าอากาศที่เคยหนาวนั้น อยู่ในระดับเย็นสบายกำลังดีเลย
Tips >> ถ้าอยากเอากล้องหรือมือถือเข้าไปถ่ายรูป ต้องถ่ายแล้วเก็บในเสื้อเร็วๆนะคะ ไม่งั้นพังได้น้า
หัดบินกันที่ Sky Venture
กิจกรรมที่ออฟคิดว่าน่าลองครั้งหนึ่งในชีวิตก็คือการบินค่ะ ซึ่งที่นี่ก็ตอบโจทย์คนที่อยากจะลองบินได้เองซักครั้งบ้าง โดยเริ่มต้นด้วยรู้จักเครื่องที่จำทำให้เราบินได้ก่อนค่ะ หลักการง่ายๆ ก็คือการดูอากาศจากด้านนอกแล้วมาใช้เป็นแรงดันทำให้เราลอยได้ในห้องที่มีลักษณะเป็นท่อ ก่อนที่จะเล่นได้ต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองก่อนนะคะ ประมาณว่าถ้าเกิดอันตรายใดๆ ขึ้นมาก็จะต้องรับทราบด้วยนะคะ แถมคนที่มีน้ำหนักมากๆ ก็ยังอดเล่นอีกด้วยค่า (ตั้งแต่ 85 ขึ้นไปเค้าบอกว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกดิดอุบัติเหตุ)
หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันค่ะ เป็นชุดหมีที่มีขนาดตามน้ำหนัก แล้วก็สำหรับคนที่ไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบมาก็มีให้เปลี่ยนนะคะ จากนั้นก็มาเรียนรู้สัญญาณมือที่จะใช้ก่อน เพราะเดี่ยวจะต้องใส่ที่อุดหูและหมวก แล้วก็สวมแว่นตากันลม จะทำให้เราไม่ได้ยินเสียงค่ะ เมื่อเตรียมความพร้อมเสร็จแล้วก็เข้าไปนั่งรอเล่นได้เลยค่ะ
รอบแรกนั้นครูฝึกจะสอนให้เราหัดบิน พร้อมจัดท่าทางให้ถูกต้องก่อนค่ะ ตอนที่บินให้ดูสัญญาณไฟด้วย ถ้ามีไฟขึ้นแสดงว่าใกล้หมดเวลาแล้ว ที่บินจะเข้าไปได้ทีละคนนะคะ ดังนั้นตอนที่รอก็ให้นั่งดูเพื่อนๆ หัดบินกันไปก่อน รอบสองนี่จะเริ่มมีความผาดโผนขึ้นบ้างแล้ว โดยที่ครูฝึกจะจับเราและพาเราบินหมุนไปวงกลม ขึ้นๆ ลงๆ ตอนนี้ขอบอกว่ามันกว่าเครื่องเล่นอีกค่ะ เมื่อบินกันเสร็จแล้วก็จะได้รับประกาศนียบัตรมาด้วยค่ะ
ช็อปปิ้งที่ First World Plaza
นอกจากส่วนที่เป็นสวนสนุกแล้ว ที่ Genting ก็ยังมีส่วนพลาซ่าที่รวมร้านค้าจากแบรนด์ชื่อดังต่างๆมาลดราคาให้เราเดินเลือกซื้อกันตามใจชอบด้วยค่ะ อย่างออฟและเพื่อนๆ ก็ได้ของติดมือกลับบ้านจาก Nike Outlet ที่ลดราคากระหน่ำมากกว่า 50 % ด้วยค่ะ สำหรับสาวๆร้านเสื้อผ้า เครื่องสำอางก็มีหลายร้านให้เลือกเดินนะคะ นอกจากนี้ถ้าคนที่อยากจะซื้อของฝากอย่างช็อกโกแลตก็มีร้านให้เลือกซื้อหลายร้านเลยทีเดียวค่ะ
Visitor’s Galleria
หลังจากที่แยกย้ายกันไปช็อปปิ้ง และพักผ่อนกันแล้วก็มาเข้า Gallery ของทาง Genting Highland เพื่อฟังประวัติที่มาของที่นี่ค่ะ ขอบอกว่าเจ้าของที่นี่กล้าลงทุนมากๆค่ะ แล้วสิ่งที่เค้าสร้างที่นี่ก็ยิ่งใหญ่มากๆ เลยทีเดียว เรียกได้ว่ารวมแหล่งบันเทิงไว้อย่างครบครันกันเลยทีเดียว หลังจากฟังเสร็จก็เดินดูรูปภาพประกอบในช่วงเวลาต่างๆที่เป็นที่มาของ Genting ค่ะ
ทานอาหารเย็นเป็นมื้ออิตาเลียนที่ร้าน Bubbles & Bites
อาหารอิตาเลี่ยนเป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ออฟชอบทานมากๆค่ะ ดังนั้นการที่ได้มาลองทานร้านอาหารอิตาเลี่ยนแบบเต็มรูปแบบแบบนี้ก็เลยโดนใจไม่น้อยเลยทีเดียว บรรยากาศของร้านเป็นแบบสมัยใหม่ แต่แบบโมเดิร์นค่ะ ร้านเป็นแบบเปิดกว้าง ทำให้ดูไม่อึดอัด
เมนูอาหารก็มีให้เลือกเยอะทีเดียวค่ะ โดยมีทั้งแบบเป็นเซต และแบบสั่งตามใจชอบด้วยค่ะ รายการเมนูอาหารที่ทานมากันแบบจัดเต็มมากๆ ไล่มาตั้งแต่พิซซ่า สลัด ลาซาณญ่า
รวมไปถึงของหวานที่มากันหลายอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ชีสเค้ก เลมอนทาร์ต ช็อกโกแลตฟัจด์ด้วยค่ะ ส่วนเครื่องดื่มก็อลังการกันด้วยการเปิดแชมเปญฉลองความสุขกันด้วยค่า
ร่วมสนุกกับการแสดงโชว์ที่ตื่นตาตื่นใจกับ... Freeze
เมื่อกินอิ่มกันแล้วก็มาดูโชว์การแสดงที่ตื่นตาตื่นใจของที่นี่กันบ้างค่ะ การซื้อตั๋วก็เหมือนตั๋วหนังบ้านเรา งานนี้เป็นการแสดงบนน้ำแข็งค่ะ เข้าไปแล้วพบว่าที่นั่งไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร่ อากาศเย็นนิดๆ คงเพราะว่าเวทีด้านหน้าเป็นลานน้ำแข็งสำหรับการแสดงด้วยค่ะ การแสดงครั้งนี้ก็เป็นการหยิบการแสดงบนน้ำแข็งที่พร้อมเพรียง บวกกับการแทรกมายากล และการเล่นกายกรรมที่เล่นเอาหวานเสียวให้หัวใจไปหล่นอยู่ตาตุ่มได้ค่ะ ถึงแม้หนังท้องจะตึงแค่ไหน แต่การแสดงก็พอช่วยยึดหนังตาเอาไว้ให้ไม่ปิดลงไปได้ค่ะ
อาหารยามเช้าก่อนลาจาก Genting
มื้ออาหารยามเช้าเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะลาจาก Genting ค่ะ โดยยามเช้านี้ก็เป็นสไตล์อเมริกันหน่อยๆ โดยมีขนมปังเป็นหลักของยามเช้านี้ ขนมปังเป็นแบบครัวซองชิ้นใหญ่มีสไส้แตกต่างกันตามใจชอบ นอกจากนี้ก็ยังมีขนมปังอบรูปแบบต่างๆ ที่สามารถเดินเลือกทานได้ค่ะ
หลังจากที่เลือกขนมปังกันแล้วก็มาเลือกเครื่องดื่มกันต่อค่ะ คนที่ง่วงจากการนอนดึกก็สั่งกาแฟกันมาทานกันได้นะคะ ส่วนออฟที่หมดเสียงไปกับเครื่องเล่นที่แสนสนุกแล้วก็เลยต้องสั่งของร้อนๆ มาทานค่ะ
ไม่มีงานเลี้ยงใดไมมีวันเลิกรา
หลังจากที่ร่วมสนุกในการเดินทางกันมาอย่างเต็มที่ 3 วัน 2 คืนก็ต้องมาถึงช่วงเวลาจากลากันแล้วค่ะ ครั้งนี้เป็นทริปที่สนุกสนานดีจริงๆ กินกันอิ่มเต็มที่ เที่ยวกันเต็มเหนี่ยว ถึงแม้จะแอบเหนื่อยนิดๆ เพราะใช้เวลากันเต็มวันมากๆ แต่ทุกคนก็มีรอยยิ้มกันตลอดเวลาเลยค่า
Leave a comment