เดินเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต ชมตึกแบบชิโน โปรตุกีส กินโอ๋แอ๋วเย็นชื่นใจ
หลังจากที่ลงเครื่องบิน และเช่ารถเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางเที่ยวกันโดยเป้าหมายแรกคือไปเดินเที่ยวที่เมืองเก่ากันก่อนค่ะ พี่สาวออฟก็เซตค่าตั้งปลายทางในมือถือแล้วก็ขับตาม GPS กันมาเลยค่า จริงๆ แล้วก็ใช้เส้นทางจากสนามบินมาตรงๆ แล้ว แล้วก็มองหาป้ายเข้าเมืองค่ะ
ในส่วนของเมืองเก่าจะเป็นถนน แบบ one way ดังนั้นเมื่อออฟเข้าสู่มาจากถนนเทพกษัตรีแล้ว ก็จะตัดผ่านถนนดีบุก เข้ามายังถนนภูเก็ต แล้วจากนั้นต้องเลี้ยวขวาเข้าถนนรัษฎาค่ะ แล้วก็เลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าถนนเยาวราช
ของออฟเมื่อวนรถจนครบรอบแล้วก็จอดรถกันตรงซอยรมณีย์ค่ะ เลยวัดมานิดนึง จอดกันข้างถนนแหละค่ะ เห็นเค้าจอดกัน
เมื่อเดินเข้าซอยรมณีย์มาแล้วก็จะเจอตึกทรงเหลี่ยมๆ ที่มีการทาสีสันสดใส ตัดกันดีทีเดียว
การเดินในซอยนี่ดีตรงที่ไม่ร้อนค่ะ แล้วตึกสองข้างทางก็สวยดีด้วย แต่เดินผ่านเร็วมากๆ เลย ถ้าคนไม่ชอบถ่ายรูปนี่คงไม่อยากมาเดินที่นี่เท่าไหร่ค่ะ
อ้อ ตอนที่ขับรถผ่านนี่เจอตึกเรียงกันสีขาว สวยๆ ด้วยค่ะ ดูหรูดีเหมือนกัน
ช่วงบ่ายๆ แบบนี้อากาศร้อนมากๆ แถมเป็นวันศุกร์ด้วยก็เลยคงไม่ค่อยมีคนมาเดินเล่นกันเท่าไหร่
พอเดินผ่านศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยววันนี้เค้าปิดค่ะ ออฟเลยขอโพสท่าไว้หน่อยว่ามาถึงแล้ว
เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วก็มาพักทานของเย็นๆ กันบ้าง เมื่อเจอร้านที่เค้าขายโอ๋แอ๋ว ข้างถนนเยาวราชนี่ออฟกับพี่สาวก็แวะเข้าเลยค่ะ
ราคาต่อถ้วยก็ไม่แพงเลยค่ะ ธรรมดา 10 บาท ถ้าสั่งพิเศษ 12 บาท ออฟนี่ไม่ต้องคิดเลยค่ะ สั่งพิเศษเลย เพราะว่าอากาศร้อนมากๆ ส่วนพี่สาวสั่งถ้วยธรรมดา
จริงๆ แล้วส่วนที่เป็นร้านจริงๆ เป็นรถเข็นค่ะ แล้วข้างในร้านที่เป็นตึกแถวนั้นมีโต๊ะวางเรียงราย แต่คนก็เข้ามาทานเรื่อยๆ ค่า
มารู้จักโอ๋แอ๋วกันก่อนนะคะ
โอวเอ๋ว คือ ของหวานคล้ายวุ้นน้ำเชื่อมที่ใส่น้ำแข็งใส แต่ไม่ใช่วุ้น มีส่วนผสมหลักคือ กล้วยน้ำว้าผสมกับเมล็ดโอวเอ๋ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายเม็ดแมงลัก โดยนำเมล็ดโอวเอ๋วมาแช่น้ำ แล้วนำเอาเฉพาะเมือกมาใส่เจี่ยกอ ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเต้าฮวยกับน้ำเต้าหู้ เพื่อให้โอวเอ๋วเกาะตัวกันเป็นก้อนคล้ายวุ้น
ถ้วยเล็กด้านหลังนั่นคือแบบธรรมดาค่ะ ถ้วยเล็กกว่าหน่อยนึง
คนในร้านก็เข้ามาทานเรื่อยๆ ค่ะ ออฟว่าทานแล้วก็เย็นชื่นใจดีเหมือนกัน
รสชาติเย็นชื่นใจ ข้างล่างมีเฉาก๊วยอยู่ด้วยค่ะ
ปิดท้ายการเที่ยวเมืองเก่าของภูเก็ตกันด้วยการถ่ายรูปโพสท่ากันอีกซักรูปค่า
Gallery เมืองเก่าภูเก็ต ชมตึกแบบชิโน โปรตุกีส กินโอ๋แอ๋ว
ข้อมูลทั่วไปของสถาปัตยกรรมย่านเมืองเก่าภูเก็ต
สถาปัตยกรรมในย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตบนถนนถลาง ถนนดีบุก ถนนกระบี่ ถนนพังงา ถนนเยาราช และซอยรมณีย์ รวมทั้งถนนใกล้เคียงเริ่มมีการพัฒนาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงของการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตกแลกะการค้าแร่ดีบุกเฟื่องฟู ในยุคนั้นภูเก็ตเป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติทั้งจีน อินเดีย อาหรับ มาเลย์ และยุโรปเข้ามาทำการค้าและอาศัยอยุ่ เช่นเดียวกับเมืองท่าอื่น ๆ ในแหลมมลายู เช่น ปีนัง มะละกา และสิงคโปร์ การก่อสร้างและออกแบบอาคารจึงได้รับอิทธิพลจากนานาชาติไปด้วย ลักษณะของสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าในเมืองภูเก็ตอาจแบ่งได้ 3 ยุค คือ ยุคแรกประมาณช่วง พ.ศ. 2411-2443 เป็นช่วงของการเริ่มพัฒนาเมือง ยุคที่สอง พ.ศ. 2444-2475 เป็นช่วงของการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมเอเชียกับยุโรป และยุคที่สามยุคนี้ได้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ต ซึ่งชาวภูเก็ตทุกคนภาคภูมิใจ และตั้งใจจะรักษาให้คงอยู่สืบไป จาก http://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดภูเก็ต
ข้อมูลของชิโน โปรตุกีส
ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสคือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุโรปและศิลปะจีน กล่าวคือ “สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม” หรือ “อาคารแบบโคโลเนียล” (Colonial Style) ถ้าเป็นอาคารสองชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย (shop-house or semi-residential) จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้ง (arch) ต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ เพื่อให้เกิดการเดินเท้า ที่ภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า “อาเขต” (arcade) หรือที่ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า “หง่อคาขี่” ซึ่งมีความหมายว่า ทางเดินกว้างห้าฟุต นอกจากอาเขตแล้ว อาคารแบบโคโลเนียลมีการนำลวดลายศิลปะตะวันตกแบบกรีก โรมัน หรือเรียกว่า “สมัยคลาสสิก” เช่น หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า หรือหัวเสาแบบโยนิก หรือไอโอนิก (แบบม้วนก้นหอย) และคอรินเทียน (มีใบไม้ขนาดใหญ่ประดับ) เป็นต้น ซึ่งนักวิชาการบางท่านอาจเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ว่า “นีโอคลาสสิก”
สิ่งที่ผสมผสานศิลปะจีนคือ ลวดลายการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพประติมากรรมนูนต่ำหรือ นูนสูงทำด้วยปูนปั้นระบายสีของช่างฝีมือจีนประดับอยู่บนโครงสร้างอาคารแบบ โปรตุเกส บานประตูหน้าต่าง ตลอดจนการตกแต่งภายในที่มีลักษณะเป็นศิลปะแบบจีน
จาก http://th.wikipedia.org/wiki/ชิโนโปรตุกีส
Leave a comment