เหม่อมองฟ้าที่ไร้ดาว

ท้องฟ้ายามกลางคืนที่มืดมิด ไม่มีแม้แต่ดาวซักดาว กับความว่างเปล่าของหัวใจ

วันนี้ท้องฟ้าไม่แจ่มในเหมือนเคยในความรู้สึกของออฟ อาจจะเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

เวลาที่นั่งคุยกับความมืดมิด มันก็สนุกดี เสียงตอบรับจากสวรรค์ที่สะท้อนกลับมาห้อมล้อมอยู่ข้างกาย

ความเหงาที่ก้องเป็นเสียงอยู่ในหัวใจ และสะท้อนกลับไปกลับมาไม่รู้จบ (ขอไว้อาลัยให้กับหนูที่ตายในสนามรบ)

ไปกระพริบจากยอดตึกยามค่ำคืน กับความมืดมิดที่ห้อมล้อมกาย เป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้าง

ไม่มีการติดต่อจากโลกภายนอก มีเพียงเสียงเพลงกับเสียงของเรา

สายลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์ที่พัดมากระทบหน้าทำให้รู้สึกไม่เดียวดาย

เพ้อเจ้อไปมากมาย ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น

ฟังเพลงที่ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ทำให้ขำๆ ดี

วันนี้ตลกแปลกๆ เบลอๆ ความรู้สึกแย่ๆ คงต่อเนื่องมาจากเมื่อวันวาน

ทำให้รอยยิ้มที่เคยสดใส อาจจะสดใสเหมือนเคย แต่ไม่ได้มาจากใจ

เป็นเพราะอะไรที่ทำให้รู้สึกอย่างนี้

ไม่มีคำตอบจากสรวงสวรรค์…และหัวใจ

แค่อยากจะเพ้อเจ้อ ให้ใครซักคนที่หลงเข้ามาได้รับรู้

ไม่มีน้ำตา แม้ว่าอยากจะร้องไห้แค่ไหน (เวลาร้องไห้แล้วจะรู้สึกดีขึ้น ถึงแม้จะไม่ช่วยอะไร)

ปวดหลังทีต้องนั่งอยู่กับที่ทั้งวัน (ไม่ได้เกร็งคนข้างๆ นะ แต่ว่าอยู่หน้าจอนานๆ มันเมื่อยมากอ่ะ)

สายตาที่ไม่ได้มองไปยังที่ใด  ไม่ได้สนใจอะไร แม้แต่แสงไฟที่อยู่รอบกาย

ทำให้รู้สึกว่าโลกช่างว่างเปล่า เหมือนกับสมุดที่ยังไม่ได้เขียน

ความรู้สึกที่ได้ส่งผ่านไปก็เหมือนกับ การที่ได้พูดอะไรให้ใครบางคนได้ฟัง

.

.

.

.

.

.

.

ขอบคุณ…ความมืดมิดที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว

ขอบคุณ…ท้องฟ้าที่เงียบเหงา ที่ทำให้รู้สึกว่ายังมีใครที่เหงากว่าเราอยู่

ขอบคุณ…ไฟกระพริบของยอดตึก ที่ทำให้รับรู้ถึงการตอบสนองของโลกใบนี้

ขอบคุณ…สายลมร้อนที่มากระทบใบหน้าทีทำให้รู้ว่าตัวเองยังมีความรู้สึก

ขอบคุณ…เสียงเพลงที่ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ที่ทำให้รู้สึกว่ายังมีคนอยู่ข้างกาย

สุดท้ายขอบคุณ…คนที่ฉุดฉันออกมาจากความมืดมิดนั้น

Leave a comment