รีวิวโดนใจ >> Giorgio’s ห้องอาหารอิตาเลี่ยนแสนอร่อยสุดคุ้มที่โรงแรม Royal Orchid Sheraton
ห้องอาหารอิตาเลี่ยน Giorgio’s ถือเป็นห้องอาหารสำหรับมื้อ Dinner ที่เอาใจคนรักอาหารอิตาเลี่ยนมากๆค่ะ โดยห้องอาหารนี้อยู่ที่โรงแรม Royal Orchid Sheraton ซึ่งออฟได้รับเชิญให้มารีวิวในครั้งนี้ค่ะ ใครกำลังมองหาห้องอาหารอิตาเลี่ยนในราคาสุดคุ้มและเติมเต็มมื้อค่ำได้อย่างลงตัว ต้องไปดูกันเลยว่าห้องอาหารนี้เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ
บรรยากาศของGiorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ครั้งนี้เดินทางมาโดยเรือเช่นเคยค่ะ ก็นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีสะพานตากสิน แล้วขึ้นเรือของทางโรงแรมมาเลยค่ะ มีเรือทุกครึ่งชั่วโมงนะคะ ห้องอาหารอยู่ชั้น 2 ค่ะเดินขึ้นบันไดด้านหน้าโรงแรมมาเลย (ด้านหน้าของออฟคือฝั่งที่ติดกับแม่น้ำนะคะ)
ห้องอาหารจะมีการใช้รูปภาพขนาดใหญ่แสดงความเป็นอิตาเลี่ยนได้อย่างลงตัวดีค่ะ
ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารขนาดใหญ่กำลังดี ที่มีโต๊ะเรียงกันอยู่ห่างๆ ไม่อึดอัดเกินไปค่ะ มีการแบ่งโซนที่นั่งและโซนไลน์อาหารอย่างชัดเจน แต่ก็อยู่ติดกันทำให้เดินไปสะดวกค่ะ
เมนูของGiorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
เนื่องด้วยห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารที่เปิดเฉพาะช่วงเย็นของทุกวันเท่านั้น โดยราคารวมอยู่ที่ 650 บาท โดยจะมี Main Course ให้เลือก 1 รายการจากรายการข้างบน และสามารถตักอาหารจากไลน์บุฟเฟ่ต์ได้ แต่ก็สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มเติมได้ด้วยนะคะ (ราคา 650 ไม่รวมน้ำเปล่านะคะ)
Line Buffet ที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ใจกลางของไลน์บุฟเฟ่ต์จะเป็นศูนย์รวมของอาหารทานเล่นค่ะ โดยจะมีถ้วยเล็กใส่ของทานเล่นให้เลือกเรียงรายอยู่หลายอย่างเลยค่ะ
โดยแต่ละเมนูก็จะมาในถ้วยเล็กๆ แบบนี้ค่ะ
ส่วนโซน cold cut & Cheese นี่ก็มีให้เลือกหลายอย่างเหมือนกัน
ต่อกันด้วยเมนูอาหารที่น่าทานอีกหลายอย่างเช่น สลัดอกเป็ดรมควัน
ยำกุ้งกับผักรวม
คั่นกลางด้วยโซนซีฟู๊ดค่ะ ก็จะมีกุ้งทั้งไทย และของนอก หอยแมลงภู่ หอยตลับค่ะ
ข้างๆ กันเป็นโซนสลัด ซึ่งสามารถเลือกตักผักต่างๆ และน้ำสลัดได้เอง หรือว่าจะให้พนักงานผสมให้ก็ได้ค่ะ
Line ของหวานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
โซนนี้ออฟแวะมาดูก่อนเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ของหวานหน้าตาหน้าทานเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมดเลย
ใครชอบกินชีสก็ห้ามพลาดเค้กบลูเบอร์รี่ชีสนะคะ ชั้นชีสหนามากๆ
เมนูพานาค็อตต้าที่เริ่มจะเป็นที่คุ้นหูก็มีค่ะ
เมนูที่พลาดไม่ได้อย่างทีรามิสุก็ต้องลองให้ได้นะคะ
นอกจากของหวานต่างๆ แล้วก็ยังมีไอศกรีมให้ทานด้วยค่ะ
เมนู Main Course ที่ทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
Pan fried snow fish with eggplant caponata
เมนูปลา snow fish ชิ้นโต ขอบอกว่าชิ้นโตมากๆ โดยมีชื่อเต็มๆ ว่า Tocchetti di Pesce neve con caponata di melanzane (Pan fried snow fish with eggplant caponata) จานนี้สาวๆ โปรดแน่นอนค่ะ เพราะมีตัวเลือกที่แคลอรี่ดูจะน้อยกว่าเมนูอื่นๆให้เลือกด้วย เมนูนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียวค่ะ จริงๆ แค่เห็นชิ้นปลาก็รู้สึกคุ้มแล้ว แต่เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติก็ต้องบอกว่าปลาสด เนื้อนุ่มไม่แห้งเกินไป และไม่คาวเลยค่ะ ทานคู่กับ Caponata เป็นของทานคู่กันที่มาช่วยเพิ่มรสชาติความเข้มข้นให้กับเมนูจานนี้ค่ะ แต่ก็ไม่กลบความเป็นปลาหิมะไปซะหมดนะคะ
Chicken Breast Milanese style
เมนูสำหรับเด็กๆ และวัยรุ่นที่น่าจะสั่งมาลองทาน เพราะทานได้ง่ายนั้นก็คือเมนู Chicken Breast Milanese style with rocket salad balsamico dressing จานนี้สรุปง่ายๆ ว่าไก่ทอดพร้อมสลัดผักร็อกเกตค่ะ โดยตัวไก่ทอดก็ชิ้นใหญ่โตเต็มจานมากๆ ทานคู่กับสลัดผักแก้เลี่ยน ตัวน้ำสลัดบาลซัลมิคก็เข้ากันดีกับทั้งสลัดและไก่ทอดค่ะ เมนูนี้ออฟชอบที่ความกรอบของไก่ที่ทอดได้กรอบทีเดียว และสลัดผักร็อกเกตที่เดิมทานแล้วไม่ค่อยปลื้มกับรสชาติกับกลิ่นของร็อกเก็ต ก็ดูจะทานได้ง่ายขึ้นเมื่อมีน้ำสลัดมาเชื่อมโยงค่ะ
Grilled beef tenderioin
สำหรับคนทานเนื้องานนี้ยิ้มแก้มปริแน่เลยค่ะ เพราะเมนู Grilled beef tenderioin with black truffle scruce and grilled vegetables ที่มีเนื้อสันในสุดนุ่มชิ้นใหญ่อยู่กลางจาน ราดซอสสูตรเด็ดของทางห้องอาหาร ล้อมรอบด้วยผักย่างเพิ่มสีสันและช่วยตัดความเลี่ยน เมื่อตัดเนื้อทานจะสัมผัสความนุ่มเมื่อลงมีด เนื้อแดงหน่อยๆ ย่างมาสุกกำลังดี เมื่อทานแล้วไม่คาว และไม่เหนียวเลยค่ะ ซอสก็ช่วยเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่กลบความเป็นเนื้อไปซะหมด
Grilled barramundi with saffron sauce
เมนูปลาอีกจานสำหรับค่ำคืนนี้ก็คือเมนุ Grilled barramundi with saffron sauce ซึ่งจานนี้ก็เป็นปลากระพงขาวย่าง วางชิ้นปลาชิ้นใหญ่บนมันฝรั่งหั่นเป็นแว่นกลม ตกแต่งด้านบนเพิ่มสีสันด้วยผักสีเขียว และราดซอสสีเหลืองตัดกันเพิ่มความโดดเด่น จากนั้นประดับด้วยผักสีแดงเล็กน้อย ตัดกันลงตัวดีค่ะ จานนี้ก็อร่อยไม่แพ้กับจานปลาจานแรกเลยทีเดียวค่ะ ทานคู่กับซอสก็เพิ่มรสชาติเข้ากันได้ดีเลยค่ะ
เมนู a la carte ที่ทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
Ristto with prawn and nduja spicy salami 430
เมนูที่ได้รับการแนะนำเป็นพิเศษเป็นเมนู Risotto with Prawn and N’Duja Spicy Salami โดย Risotto (รีซอตโต้) ก็คือข้าวผัดสไตล์อิตาเลี่ยนนั่นเองค่ะ โดยเมนูนี้จะแตกต่างจากรีซอตโต้ทั่วไปที่จะมีความมันและรสชาติไม่จัดจ้านมากค่ะ ซึ่งเมนูนี้เชฟเค้าประยุกต์เพิ่มความ spicy ให้มากขึ้นเพื่อให้ทานได้ง่าย โดยยังคงรูปแบบการทำอย่างรีซอตโต้เอาไว้ เห็นเหมือนเหลวๆ แบบนี้ เวลาตักนี่เรียกได้ว่าข้นและหนืดทีเดียวค่ะ ส่วนรสชาติก็ต้องยอมรับว่าความจัดจ้านของจานนี้ทำให้ทานได้ง่ายมากขึ้นจริงๆค่ะ
รายการอาหารที่ทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ดูเมนูอาหารจานหลักกันอย่างเต็มอิ่มไปแล้วมาดูกันบ้างค่ะ ว่าอาหารจากไลน์บุฟเฟ่ต์นั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ขอเปิดตัวกันด้วยอาหารซีฟู๊ดที่ออฟตักมาทานอย่างละหน่อยพอให้ได้ลิ้มลองรสชาติค่ะ ถือว่าอาหารทะเลสดดี และน้ำจิ้มซีฟู๊ดก็แซ่บมากๆค่ะ
สลัดที่ลองทานก็เป็นแบบซีซาร์สลัดที่เลือกผักเอง แต่ให้เค้าช่วยปรุงให้ค่ะ อันนี้ก็ทานเพลินๆ ชีสๆ กำลังดีเลยค่ะ
เมนูจากไลน์อาหารอื่นๆ ที่ลองทานแล้วก็อร่อยดีค่ะ อย่าง ไลน์ Cold Cut ที่ออฟตักมาหลายชิ้นก็อร่อยแบบเค็มๆ ดี
ส่วนเมนูของกินเล่นนี่ก็ใช่ย่อยค่ะ
รายการของหวานที่ทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ของหวานแสนอร่อยของที่นี่มีให้เลือกเรียงรายจนท้องแน่นๆ แทนจะอดใจไม่ไหว กวาดมาลองทานหลายอย่างเลยค่ะ อย่างมาการองนี่ก็อร่อยมากๆ
เมนูพานาค็อตต้าก็เนื้อเนียนนุ่มไม่เลี่ยน และเข้ากันดีกับซอสและเบอร์รี่ค่ะ
เมนูของทอดราดซอสวานิลานี่ก็ใช้ได้ค่ะ แต่ต้องใช้พื้นที่ในท้องเยอะหน่อย
ทีรามิสุที่แสนจะโดดเด่น ได้รสชาติกาแฟกำลังดีทีเดียวค่ะ
เมนูมูสก็เนื้อเนียนใช้ได้เลยค่ะ มีคั่นชั้นกันด้วยช็อกโกแลตสลับกับผลไม้ก็เข้ากันดีค่ะ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูที่ไม่อยู่ในบุฟเฟ่ต์นะคะ และเห็นว่าเชฟเหมือนจะเอาออกจากเมนูไปแล้วด้วย แต่ขอบอกว่าถ้าคนรักช็อกโกแลตนี่ห้ามพลาดค่ะ สั่งกับทางร้านได้เลย ถึงแม้จะไม่มีอยู่ในเมนูก็ตาม และเมนูของหวานแสนอร่อยนี้ก็คือ…ช็อกโกแลตฮาเซลนัทเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมค่ะ ตัวช็อกโกแลตเนื้อแน่นและเข้มข้นมากๆ
รายการเครื่องดื่มที่ทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
เริ่มต้นเครื่องดื่มกันด้วยเมนูมะม่วงปั่นของออฟค่ะ งานนี้น้ำมะม่วงปั่นเนื้อละเอียด และเข้มข้นมากๆค่ะ โดนใจออฟไปเต็มๆ
สำหรับของมิวเป็นเมนู Frozen ค่ะ โดยเป็นน้ำลิ้นจี่ปั่น ทานเย็นๆ ชื่นใจดีค่ะ
การทานอาหารที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
การทานอาหารที่ห้องอาหาร Giorgio’s นั้นถือว่าครบเครื่องทั้งคาวหวานเลยค่ะ โดยเมื่อเรามานั่งแล้วสั่งเมนูอาหารจานหลักเรียบร้อย ก็ไปเดินตักอาหารที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ไปพลางๆ รองท้องไปเรื่อยๆ แต่อย่าเพิ่งเพลินนะคะ เพราะว่าเมนูจานหลักจานใหญ่จริงๆ ไม่งั้นอาจจะทานไม่หมดได้ค่ะ แล้วอย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับของหวานสไตล์อิตาเลี่ยนแสนอร่อยที่มีให้เลือกหลายอย่างด้วยนะคะ
บทสรุปจากการทานที่Giorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
- ถือเป็นห้องอาหารที่อร่อยและคุ้มค่า ราคาไม่แพงเลยค่ะ เพราะราคา 650 บาทเน็ตนั้น ทั้งอาหารจานหลัก เมนูอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์ และของหวานหลายอย่างทั้งอร่อยและมีให้เลือกหลายอย่างดีค่ะ (650 บาทไม่รวมค่าน้ำเปล่านะคะ)
- การเดินทางถึงโรงแรมจะไม่ติดรถไฟฟ้าแต่ก็สามารถมาลงรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานตากสินแล้วทางโรงแรมมี Shuttle Boat ไปรับทุกครึ่งชั่วโมงเลยค่ะ
- บรรยากาศของห้องอาหารเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่าน โต๊ะห่างกันพอสมควรดีค่ะ
- ห้องอาหารนี้มีแต่ Dinner เท่านั้นนะคะ
Gallery จากGiorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ข้อมูลทั่วไปของGiorgio’s@ Royal Orchid Sheraton
ที่อยู่ :2 ซอยเจริญกรุง 30 อาคาร ชั้น 1 โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน ถนนเจริญกรุง แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
เบอร์โทรศัพท์ :0 2266 9214
เว็บไซต์ : www.royalorchidsheraton.com , SPG restaurants & bars, Giorgio's
วันและเวลาเปิดปิดทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 18.00-22.30 น.
การเดินทาง : ห้องอาหารจิออร์จิโอส์ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ติดกับแม่น้ำและสระน้ำของโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน ถ.เจริญกรุง
ที่จอดรถ : ลานจอดรถของโรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
Leave a comment