รีวิวโดนใจ >> Hoseki (โฮเซกิ) บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นในราคา 329 Net ที่ โครงการ INT-Intersect พระราม 3
Hoseki (โฮเซกิ) เป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่ครั้งนี้ออฟได้รับเชิญจากทาง Openrice เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมก๊วนชวนกิน ซึ่งครั้งนี้ก็ขอหนีบพี่ดันDunbine จาก https://www.facebook.com/Dunbine.H.E.A.T มาเป็นผู้ติดตามอีกเช่นเคยค่ะ ร้านนี้อยู่นอกโซนการทานอาหารของออฟไปมากเลยทีเดียว แบบว่าโครงการ INT-Intersect พระราม 3 นี่อยู่ส่วนไหนกัน อะไรทำนองนั้นเลยค่ะ กิจกรรมครั้งนี้จะเป็นยังไงบ้างไปติดตามกันเลยค่า
การเดินทางไปที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
การเดินทางไปที่ร้านโฮเซกิครั้งนี้ทำให้ออฟได้นั่ง BRT ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะ ก็มาขึ้นที่รถไฟฟ้าสถานีช่องนนทรี เสียค่าเดินทาง 5 บาท โดยถ้าใครมีบัตร Rabbit ของรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องซื้อบัตรนะคะ ใช้บัตรเดียวกันได้เลยค่า BRT เป็นรถที่คนแน่นมากๆ และไม่ค่อยมีที่จับสำหรับคนที่มีส่วนสูงไม่มากอย่างออฟเลย ครั้งนี้เกาะพี่ดันไปตลอดทางเลยค่ะ เรียกได้ว่าถ้าพี่เค้าปล่อยออฟทิ้งกลางทางนี่ โดนตีหัวจับไปขายแน่เลยค่ะ เพราะกลับบ้านไม่ถูกแน่ๆ
บรรยากาศของร้านHoseki (โฮเซกิ)
เมื่อลง BRT ที่สถานีวัดด่านก็ลงได้ค่ะ จากนั้นก็ลงจากสถานี แล้วเดินขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเจอ โครงการ INT-Intersect พระราม 3 ซึ่งก็เป็นโครงการคล้ายๆกับ Avenue ที่เราเห็นผุดขึ้นมาเยอะขึ้นในช่วงหลังนี่แหละค่ะ เป็นแหล่งศูนย์รวมของอาหารและร้านต่างๆ แต่ไม่ใหญ่มากนักค่ะ
ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนสุดเลยค่ะ ตัวร้านแอบซ่อนอยู่ด้านหลัง เรียกได้ว่าอยู่ในซอกหลืบของตัวโครงการแล้วก็ว่าได้ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนสอนเต้นด้วยค่ะ ทานไปดูไปก็เพลินๆ ดี เห็นหน้าร้านแล้ว ตรวจสอบชื่อก็พบว่ามาถูกแน่ค่ะ เนื่องด้วยปกติทางร้านจะปิดวันจันทร์นะคะ อันนี้ประกาศให้ทราบทั่วกัน แต่วันที่ไปนั้นคิดว่าทาง Openrice คงจะติดต่อเอาไว้แล้วค่ะ ก็เลยไปด้อมๆ มองๆ ที่หน้าร้านก็มีคนออกจากร้านมาถาม เมื่อคุยกันเรียบร้อยก็เข้าไปในร้านกันเลยค่า
ตัวร้านตกแต่งแบบสบายๆ โปร่งๆ ออกแนวญี่ปุ่นนิดๆ โทนสีโดยรวมเป็นสีไม้ซะมากค่ะ
ในร้านมีโต๊ะตั้งเรียงกันไม่เยอะมากนัก แต่ครัวของทางร้านจะมีแยกเป็นครัวเย็น สำหรับพวกซูชิ หรือซาซิมิ และครัวร้อนสำหรับอาหารอื่นๆ ค่ะ
เมนูของร้านHoseki (โฮเซกิ)
เมนูอาหารของที่นี่นั้นมีให้เลือกหลากหลายกว่า 60 ชนิดเลยทีเดียวค่ะ คนที่เตรียมท้องมาอย่างดีแล้วก็สั่งได้เต็มที่เลยค่ะ เมนูอาหารด้านบนจะเป็นพวกข้าวหน้าต่างๆค่ะ อันนี้แนะนำให้ลองทานบ้างแต่อย่าสั่งมาตัดกำลังตัวเองเยอะนะคะ เดี่ยวจะกินอย่างอื่นไม่ค่อยได้
ต่อกันด้วยเมนูเทมปุระ และสลัดค่ะ ขอบอกว่าสลัดที่ลองทานนี่อร่อยทุกอย่าง เทมปุระก็โอเคค่ะ ถ้ามากันเยอะๆ บอกให้เค้าทำจานใหญ่ มาให้เลยก็ได้ค่ะ
เมนูซูชิและซาซิมิต่างๆ ก็มีให้เลือกทานพอสมควรค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีของทานเล่นให้เลือกทานอีกหลายอย่างเลยค่ะ
รายการเทมปุระที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
ขอเปิดตัวกันด้วยจานเทมปุระจานยักษ์เลยค่ะ เนื่องด้วยเห็นว่าครั้งนี้มาทานกันเยอะ ยังไงก็มีคนช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นก็ขอเก็บภาพจานใหญ่กันหน่อยค่ะ รสชาติของเทมปุระนี่ทานตอนร้อนๆ โอเคเลยค่ะ แป้งกรอบกำลังดี จิ้มกับน้ำจิ้มก็เข้ากันดีค่ะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานจะไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ ของแปลกๆที่ไม่เคยลองทานก็คือ รากบัวเทมปุระค่ะ ก็อร่อยกรุบๆ กรอบๆ แบบแปลกๆดี อันนี้ต้องลองทานกันดูค่ะ
รายการซูชิที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
เมนูซูชินี่ก็ขอจานใหญ่มาเลยเหมือนกันค่ะ ปกติแล้วเวลาสั่งจะมาอย่างละ 2 ชิ้นค่ะ อย่างในจานนี่คือแบบจัดเต็ม คือเอาทุกอย่างเลยค่ะ แต่ละคำไม่ใหญ่มากค่ะ ระวังข้าวเต็มท้องด้วยนะคะ เวลาสั่งซูชิ
รสชาติโดยรวมของซูชิที่ทานถือว่ากลางๆค่ะ ของสดใช้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ระดับร้านซูชิโดยเฉพาะขนาดนั้นค่ะ สำหรับเนื้อปลากับข้าวดูจะไม่ค่อยสมดุลกันเท่าไหร่ด้วยค่ะ แต่งานนี้เราไม่ได้เน้นซูชิขนาดนั้นอยู่แล้วก็ถือว่าโอเคค่ะ
นอกจากจานใหญ่ซึ่งเป็นซูชิรวมๆ ไปแล้วก็ยังมีซูชิเต้าหู้หวาน, ซูชิไข่กุ้ง ที่ออฟว่าทานแล้วอร่อยใช้ได้เลยค่ะ ที่ชอบพิเศษเห็นจะเป็นเต้าหู้หวานค่ะ เพราะปกติไม่ทานเต้าหู้แต่ที่นี่จะหวานๆ นุ่มๆ และไม่หยึยๆ เท่าไหร่ด้วยค่ะ
สำหรับคนที่ไม่อยากทานซูชิทั่วๆ ไปจะลองสั่งเป็นซูชิยำปีกหอยเชลล์ หรือ ซูชิสลัดปูอัดก็ได้ค่ะ อันนี้ก็โอเคดี
สำหรับเมนูโรลของที่นี่ ที่ลองทานก็เป็นเมนู Crispy Roll ค่ะ ก็เป็นข้าวปั้นแล้วนำไปทอดกรอบๆ แบบเทมปุระ ก็อร่อยดีค่ะ แต่ปั้นมาไม่แน่นเท่าไหร่ กันแล้วแตกกระจายเหมือนกันค่ะ
สำหรับซาชิมิครั้งนี้ได้ลองเป็นปลาซาบะค่ะ งานนี้เจ้าของร้านมาเผาไฟให้เลยค่ะ อันนี้ก็รสชาติโอเค ไม่คาวมากดีค่ะ
รายการสลัดที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
เมนูสลัดที่ปรับรสชาติให้เข้ากับคนไทยและออฟคิดว่าทำได้ดีทีเดียวเลยก็คือ เมนูลาบปลาซาบะค่ะ อันนี้รสลาบชัดเจนดี เผ็ดจัดจ้านลงตัวดีค่ะ
ต่อกันด้วยอีกเมนูที่หลายคนชอบกันค่ะเป็นปลาแซลมอนยำแบบไทยค่ะ อันนี้ก็เผ็ดกำลังดีค่ะ จานนี้หมดก่อนเพื่อนเลยค่ะ ถ้ามาไม่กี่คนแล้วอยากจะลองสลัดหรือยำ แนะนำให้สั่งจานนี้ค่ะ
สำหรับคนที่อยากทานแบบน้ำสลัดญี่ปุ่นก็สั่งเมนูแซลมอนสลัดน้ำญี่ปุ่นมาทานได้ค่ะ
ปิดท้ายเมนูสลัดกันด้วยสลัดทูน่าค่ะ อันนี้ทานง่าย เป็นสลัดครีมธรรมดาค่ะแต่สีสันเค้าครบดีจริงๆ
รายการอุด้งที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
เมนูอุด้งที่สั่งมาทานก็เป็นเมนูอูด้งเต้าหู้หวานค่ะ อันนี้ทานได้ง่ายรสชาติหวานกลมกล่อมของน้ำซุป ความเหนียวนุ่มของเส้นเข้ากันดีค่ะ เต้าหู้หวานก็นุ่มอร่อยดีค่ะ
หรือจะลองสั่งเป็นอูด้งสาหร่ายมาลองทานกันเบาๆ ให้คล่องคอเพื่อไปต่อกับเมนูอื่นๆ ก็ได้ค่ะ
รายการของทานเล่นอื่นๆที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
ของทานเล่นที่นี่เริ่มต้นด้วยไก่ทอดค่ะ ก็เป็นไก่คาราอาเกะที่เราคุ้นเคยกันดี เนื้อไก่ชิ้นโตทอดมากรอบนอกนุ่มในกำลังดี ทานเปล่าก็จะได้รสชาติเค็มนิดๆของเนื้อไก่ หรือจะทานคู่กับน้ำจิ้มไก่เพิ่มรสชาติความหวานก็ได้ค่ะ
เมนูข้าวที่สั่งมาลองเป็นข้าวหน้าปลาดิบรวมค่ะ เรียกได้ว่ามีปลาดิบมาหลากสีสันมากๆ แต่แอบไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมต้องมีเห็ดโรยมาด้วย แอบไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ค่ะ
เมนูเห็ดออรินจิผัดเนยก็โอเคค่ะ แต่หั่นบางไปนิดนะคะเลยเหมือนละลายหายเข้าปากไปเลยค่ะ
ส่วนเห็ดเข็มทองพันเบคอนนี่แน่นมากๆค่ะ เต็มคำกันไปเลย
ไก่ผัดซอสเปรี้ยวหวานนี่ควรจะทานคู่กับข้าวค่ะ เพราะรสชาติเข้มข้นมากทีเดียว
สำหรับโต๊ะไหนที่มาเกิน 4 คนทางร้านมีหัวปลาแซลมอนย่างซีอิ๊วให้ด้วยอีก 1 จานใหญ่ด้วยค่า อันนี้ออฟลองกินเนื้อที่แก้มด้วยค่ะ ก็นุ่มๆ เค็มๆ ดีค่ะ
รายการของหวานที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
ของหวานของทางร้านเป็นเมนูที่เจ้าของภูมิใจมากๆค่ะ แบบว่าคนนึงกินกันหลายถ้วยเลย ซึ่งก็อร่อยสมคำคุยค่ะ เพราะหลายๆ คนก็กินกันไปหลายถ้วยแบบลืมตัวกันเลยทีเดียว ของหวานนั้นก็คือ “บารามันจะ” นั่นเองค่า ถ้าเอากันง่ายๆ ก็คือเต้าหู้เย็น โดยที่ทานมีสามรสชาติค่ะ คือแบบออริจินอลที่มีซอสราดข้างบน ซอสนี่จะหวานเอาเรื่องค่ะ ดังนั้นน่าจะให้ใส่ได้เองจะได้ตามใจได้เต็มที่ค่ะ
อีกสองเมนูที่ลองทานเป็นกาแฟ กับ ชาเขียวค่ะ ออฟชอบเนื้อชาเขียวมากๆ แบบอร่อยเนียน ไม่ชาจัดมาก แต่ก็อร่อยกลมกล่อมดีค่ะ
รายการเครื่องดื่มที่ทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
ครั้งนี้อาหารหลากเมนู และเครื่องดื่มก็มีทั้งชาเขียว และน้ำอัดลมที่ให้ไปกดเองเลยนะคะ แต่ครั้งนี้ออฟทานแต่ชาเขียวอย่างเดียวเลยค่า
การทานอาหารที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
อุปกรณ์การทานของเราก็มีจาน ช้อน ตะเกียบ และถ้วยน้ำจิ้มค่ะ
เมื่อคนมากันพร้อมแล้วก็สั่งอาหารกันแบบรัวๆ ไม่กลัวท้องเต็มกันเลย ด้วยความที่เห็นว่ามากันเยอะค่ะ และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะทุกคนก็ทานกันได้เต็มที่มากๆ ค่ะ ไม่เหลือเลยซักอย่าง
ท่านเจ้าของร้านมาเผาไฟปลาซาบะให้เราเองด้วยค่ะ
บทสรุปจากการทานที่ร้านHoseki (โฮเซกิ)
- เป็นร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นในราคา 329 Net ที่มีเมนูอาหารให้เลือกเยอะมาก
- รสชาติของอาหารโดยรวมถือว่าโอเคเลยค่ะ ครั้งนี้มาแบบได้รับเชิญเลยไม่มีปัญหาเรื่องออเดอร์ผิดพลาด เพราะมีโต๊ะเดียวทั้งร้าน และไม่มีของช้าด้วยค่ะ
- ปริมาณอาหารต่อจานถือว่ากำลังดีค่ะ ถ้ามาคนเดียวก็น่าจะสั่งได้หลายอย่างเหมือนกัน
- การเดินทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ (สำหรับออฟ) แต่ถ้าคนติดรถไฟฟ้าก็ยังถือว่าโอเคค่ะ เพราะนั่งรถไฟฟ้า BTS มาต่อ BRT ก็ไม่ยากค่ะ เดินมาไม่ไกลเท่าไหร่ด้วย
- ต้องขอขอบคุณทาง Openrice อีกครั้งสำหรับประสบการณ์ทานอาหารอร่อยๆ ที่ร้านโฮเซกิ และทำให้ได้รู้จักเพื่อนๆ บล็อกเกอร์ด้านอาหารหลายท่านมากขึ้นค่า
- ขอบคุณพี่ดันDunbine จาก https://www.facebook.com/Dunbine.H.E.A.Tที่เป็นผู้นำทางพาออฟมาทานและสละเวลามาทานด้วยกันครั้งนี้ด้วยค่า
Gallery จากร้านHoseki (โฮเซกิ)
ข้อมูลทั่วไปของร้านHoseki (โฮเซกิ)
โทร. 02 - 682 9785
facebook : https://www.facebook.com/pages/Hoseki-More-than-Udon/284676561648218
Leave a comment