[โดนใจ] ยัยกระบองเพชรกับนายไผ่นำโชค ตอนคาดหวังและผิดหวัง
ถ้านับเวลาจากวันที่ฉันตัดสินใจซื้อเจ้าต้นไผ่นำโชคที่งานเกษตรแฟร์ที่ผ่านมาแล้วก็ร่วมปีได้ละมั้งที่ฉันพาต้นไม้มีชีวิตอยู่รอดมาได้ โตขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับแห้งตายอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะฉันเองก็ไม่อยากให้ต้นไม้ที่เป็นตัวแทนเค้าเหี่ยวเฉาไปกับการไม่ดูแลเอาใจใส่ของตัวฉันเอง ถึงจะลืมรดน้ำบ้างก็เถอะ
เวลาที่ผ่านมาทำให้เราได้เรียนรู้ในตัวตนของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น รู้ว่าบางครั้งเค้าก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด แต่ก็เพราะไอ้การสนิทกันมากขึ้นนี่แหละที่ทำให้บางทีฉันเองก็ลืมขอบเขตของตัวเองไปนิด เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ แต่ลืมไปว่าบางทีก็ก้าวก่ายชีวิตเค้ามาเกินไป เอาตัวเค้ามาผูกกับตัวเรามากเกินไป
เพราะความรักก็เหมือนกับปลอกคอสุนัข ถ้ารัดแน่นเกินไปก็จะหายใจไม่ออก อึดอัด และไม่นานก็จะทนไม่ได้ แต่ถ้ารัดหลวมเกินไปก็จะหลุดออกได้ง่ายๆ ดังนั้นต้องพยายามหาทางให้มันอยู่ในจุดที่พอดีให้มากที่สุด แล้วก็จะทำให้มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ช่วงนี้งานเข้ามาทับถมกันให้จมดินจนปั่นงานไม่หวั่นไม่ไหว เลยเป็นที่มาของความหงุดหงิดของคนข้างๆ ที่ตอนไม่รู้จักกันรูปลักษณ์ภายนอกทำให้รู้สึกว่าเค้าเป็นคนใจเย็น และควบคุมอารมณ์ได้ดี แต่พอคบกันนานๆเข้านายเทวดานี่แปลงร่างเป็นปีศาจซะงั้น มีเรื่องอะไรมาสะดุดเข้า ก็ว้ากเอาได้ง่ายๆ ทำเอาคนขวัญอ่อนอย่างฉันน้ำตาตกไปก็หลายที
เรื่องทะเลาะกันจริงจังระหว่างฉันกับเค้านี่ไม่มีหรอก ส่วนใหญ่จะเป็นงอนเล็กน้อยถึงปานกลางซะมากกว่าซึ่งความรุนแรงขึ้นกับว่าฉันไปกวนเค้าไว้แค่ไหน ตอนแรกพอเสียงว้ากสิ้นลง น้ำตาก็พลอยจะไหลตามไปด้วย แต่ตอนนี้เริ่มมีภูมิต้านทานบ้างแล้ว เลยทำให้ใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น แต่ก็ต้องไปแอบร้องไห้บ้าง ถึงแม้มันจะไม่ช่วยอะไรแต่ก็ได้ระบายอะไรออกไปบ้าง
คราวนี้ก็เหมือนกันถึงแม้ว่าเสียงพูดจะไม่ดังเท่าคราวอื่น แต่คำพูดมันทำร้ายใจชะมัด เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ฉันกวนเค้าเป็นรอบที่ 3 ติดต่อกัน ก็รู้ว่าเค้าไม่ชอบให้ทำหน้าและเสียงกวนๆใส่ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแกล้ง แล้วไอ้รอบสุดท้ายนี่แหละที่เค้าเลิกเล่นด้วยแถมอารมณ์เสียขึ้นมาจริงๆ
“งอนหรอ” คำถามโง่ๆ ที่จริงๆ ไม่ต้องถามก็พอจะดูออก
“ไม่ได้งอน แต่เซง”
จบคำพูดเค้า ความรู้สึกเดียวที่มาีคือ “จ๋อย” คำขอโทษที่หลุดปากออกไปเบาๆ ด้วยเสียงคำว่า “เซง” ยังก้องอยู่ในหัว น้ำตาที่มาปริ่มขอบตาที่ต้องรีบกระพริบตาไล่ออกไป ความรู้สึกแย่ๆ ถ่าโถมเข้าใส่จนเกินว่าที่จะยืนอยู่ได้ และพอดีกับต้องกลับบ้านก่อน เลยขอตัวจากมาก่อนที่น้ำตาจะหยาดหยด
ออกจากห้องเรียนด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อนๆตอนลากลับ พร้อมกับภาพช่วงเวลาที่ได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจย้อนกลับไปกลับมาในหัว สมองเบลอไปชั่วขณะ เดินไปขึ้นรถด้วยสัญชาตญาณ โดนรถเฉี่ยวนิดหน่อยตอนข้ามถนน แต่ไม่ได้บาดเจ็บคงเพราะยังรู้สึกชากับคำพูดที่ได้รับ
บอกตัวเองว่าเค้าเป็นคนพูดแรงอยู่แล้ว อารมณ์เสียง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่น้ำตาก็ไหล
บอกตัวเองว่าเค้าเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เจอมาก็หลายรอบแล้ว น่าจะชินได้แล้ว แต่น้ำตาก็ไหล
บอกตัวเองว่าหยุดร้องไห้ได้แล้ว พอได้แล้ว เสียใจมากพอแล้ว แต่น้ำตาก็ไหล
ผ่านไปสองชั่วโมงหยุดร้องไห้ รู้สึกดีขึ้นจนโทรไปคุยกันได้ เสียงเค้าเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปรื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมาเพื่ออะไร ปล่อยให้มันผ่านไปน่าจะดีกว่า ก็ฉันเป็นยัยกระบองเพชรที่อึด ทน ตายยาก อย่างที่ใครบางคนเคยนิยามไว้นี่นา เรื่องแค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก
แต่ชีวิตก็เริ่มมีวงจรอุบาทว์เล็กๆ เกิดขึ้น
รูปแบบที่ 1 : ถามคำถาม -> เค้าอธิบายแล้วไม่เข้าใจ -> เค้าเสียงดังขึ้น -> เงียบ -> ร้องไห้
รูปแบบที่ 2 : เค้าพูดอะไรให้ฟัง -> ไม่ได้ยิน -> ถามอีกครั้ง -> เค้าหงุดหงิด ->จ๋อย
รูปแบบที่ 3 : อยากทำอะไรซักอย่าง -> ขัดใจ -> เถียงกัน -> ไม่พูดกัน -> เศร้า
ความถี่ของวงจรขึ้นกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมโดยรวม ซึ่งมีฉันเป็นศูนย์กลางของพายุลูกยักษ์ที่จะพัดผ่าน และถล่มทลายทุกสิ่งราบเป็นหน้ากลอง ความอันตรายขึ้นกับความแรงของพายุและเวลาที่พัด ว่าต้องใช้เวลาในการสงบนานเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตูมเดียว เละหมด แต่ช่วงนี้มีเป็นระยะๆ ด้วยเหมือนกัน
(ที่มาูรูป : http://www.atwillett.com/lighting_pictures/desert_lightningsaguaro.jpg)
แม้จะเป็นต้นกระบองเพชร ที่ทนทุกสถานการณ์ และสามารถยืดหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงแต่ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ หรือไม่มีความรู้สึกรู้สา การถูกพายุพัดกระหน่ำใส่บ่อยครั้ง อย่างน้อยก็มีรอยช้ำและบาดแผล ซึ่งถึงแม้จะหายเจ็บแต่บาดแผลไม่เคยหายไป
(ที่มารูป : http://2.bp.blogspot.com)
บางทีฉันก็คาดหวัง ว่าไอ้การที่เป็นคนพิเศษนี่น่าจะได้รับผลกระทบจากพายุน้อยสุด ด้วยมีความรักเป็นเกราะกำบัง แต่เปล่าเลยคนใกล้สุดนี่โดนไปเต็มๆ ทุกลูก ทุกช็อต เหมือนยืนอยู่ใจกลางของพายุเลยก็ว่าได้ จนบางครั้งเหนื่อย ไม่รู้จะทำยังไง สิ่งเดียวที่ต้องทำและพยายามทำให้ดีที่สุดคือ ควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพราะถ้าหากใจเย็นได้มากเท่าไหร่ พายุก็สงบเร็วขึ้นเท่านั้น และอีกอย่างถ้าขืนเราเป็นพายุขึ้นมาอีก คราวนี้อาจจะจบเห่กันไปทั้งสองฝ่ายก็ได้
บางครั้งอาจจะคิดว่าทุกอย่างต้องมีเหตุผล แต่บางครั้งเหตุผลไม่ได้เป็นทางออกของเรื่องราวความรักเพียงทางเดียว เพราะเหตุผลอะไรก็ไม่สำคัญเลย ถ้ามันจะทำให้คนที่รักเสียใจ
Leave a comment