นายอนามัย…กับยัยซกมก ตอน หรือเพียงแค่ฝันไป

ในการประกวดคัดเลือกตัวแทนของมหาวิืทยาลัยที่เป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเข้าไปร่วมในโครงการของทางสมาคมชื่อดังจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆปี ตอนนี้บนเวทีใหญ่ในหอประชุมของมหาวิทยาลัยมีผู้ร่วมประกวด 10 คนสุดท้าย ซึ่งทุกคนก็มีความสามารถแตกต่างกันออกไป และการประกวดรอบสุดท้ายนี้มีเพียงหัวข้อเดียวคือ ให้แสดงความสามารถที่ต้องกา่รนำเสนอและคิดว่าจะประทับใจกรรมการมากที่สุด

หัวข้อที่เหมือนจะง่าย แค่เพียงทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด แต่สำหรับอิงที่ถูกยุยงจากเพื่อนให้เข้ามาประกวดและบังเอิญได้เข้ารอบมากับเค้า ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรเลยทีเดียว เพราะตัวเธอเองก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่ออกจะดูห้าวๆด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ไปเต้นรำ หรือแสดงดนตรีไทยอะไรเธอคงทำไม่ได้ สิ่งเีดียวที่เธอคิดออกตอนนั้นคือ “ร้องเพลง”

เพลงที่ถูกเลือกขึ้นมาในการประกวดรอบสุดท้ายนี้ไม่ใช่เพลงป็อปชื่อดังที่กำลังฮิตกันทั้งประเทศ แต่เป็นเพลงประจำภาควิชาของเธอเอง เพลงที่ได้รับการเรียบเรียงและแต่งขึ้นมาทั้งคำร้องและทำนองจากพี่ๆในภาควิชา เพลงที่เธอคิดว่าเรียกรอยยิ้มจากพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนได้ทุกครั้ง เพลงที่ยังคงตรึงใจของเธอทุกครั้งที่ได้ยิน

เมื่อเสียงเพลงจบลงไป ก็มีเสียงปรมมือจากทางด้านล่างเวทีที่มีเพื่อนๆมาให้กำลังใจกันอย่างท่วมท้น แต่ไม่มีใครคนนึงที่เธอเฝ้าคอย ถึงแม้ว่าจะได้รับโทรศัพท์ก่อนที่จะขึ้นเวทีแล้ว ว่าเค้าติดธุระไม่สามารถมาได้จริงๆ แต่เธอก็ยังชะเง้อ และแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าเค้าอาจจะเคลียร์งานและมาเชียร์เธอได้ทัน

ผลการประกาลรางวัลก็เป็นไปอย่างที่คาด ตัวเต็งที่เข้ามาพร้อมคุณสมบัติที่เพียบพร้อมก็กวาดรางวัลไป สำหรับตัวเธอเอง ถึงจะรู้สึกว่าเข้ามาถึงรอบสุดท้ายนี้ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จมากแล้ว แต่ก็ยังมีเสียใจนิดหน่อย ที่คิดว่าเมื่อได้ยินเสียงอ่อนๆ และคำปลอบใจจากคนที่เธอคิดถึง ความเสียใจก็คงจะหายไปได้อย่างไม่ยาก

เสียงรอสายที่ฟังรื่นหู แต่เมื่อเธอต้องฟังซ้ำๆ หลายรอบหลังจากที่เธอกดโทรไปหาก็ทำให้เกิดความหงุดหงิดและน้อยใจขึ้นมา

“ทำไมภูไม่รับสายนะ ปกติภูไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่นา” ขอบตาที่เริ่มแดงและเริ่มมีหยดน้ำตา ที่เธอพยายามจะห้ามตัวเอง

“ฮัลโหลอิง โทษทีนะ พอดีเมื่อกี้ติดสายอยู่หนะ” เพียงแค่เค้าโทรกลับมา ความน้อยใจที่ก่อตัวก็หายไปกับสายลม

“ภูทำอะไรอยู่หรอ มารับอิงหน่อยได้ไหม”

“ตอนนี้คงไม่ได้หรอกนะอิง พอดีเรายังไม่ว่าง ไว้ถ้าไงเดี่ยวเราโทรไปใหม่นะ”

เสียงขาดสัญญาณจากการวางโทรศัพท์ของอีกฝ่ายยังคงดังก้องในหู ภูไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องของเธอแบบนี้ เค้ายังไม่ได้เอ่ยถามถึงผลการประกวดของเธอเลยด้วยซ้ำ ธุระอะไรที่ทำให้เค้าพูดกับเธอแบบนี้นะ

ค่ำคืนที่แสนยาวนาน หญิงสาวนอนร้องไห้ด้วยความน้อยใจ และยังพยายามโทรติดต่อคนปลายทาง เพื่อที่หาคำตอบของตัวเธอเองว่า ทำไมเ้ค้าถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

นายภูผา หรือภูที่เธอคบด้วยมาเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเมินเฉย และไม่ค่อยสนใจอะไรมากนัก แต่เธอรู้ดีว่าภายในของเค้าอ่อนโยน และเป็นห่วงเธอมากเพียงใด เค้าเคยอยู่เคียงข้างเธอทุกครั้งที่เธอต้องการ คำปลอบใจและโอบกอดที่แสนจะอบอุ่นนั่นที่ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นอีกครั้งเมื่อเจอเรื่องร้ายๆ

เวลาเดินผ่านไปอย่างช้าๆ และก็พ้นข้ามคืนมาอย่างยากเย็นในความรู้สึกของหญิงสาว น้ำตาหายไปหมดแล้ว เธอร้องไห้เสียใจจนไม่มีอะไรจะร้องอีกแล้ว เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ แต่เธอก็ยังรอ…รอคำตอบจากเค้าว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้

โทรศัพท์ที่ดังขึ้น พร้อมกับคำบอกลาจากปากของคนที่เธอรักที่สุด เธอไม่สนใจเหตุผลที่เค้ายกขึ้นมาอ้าง เค้าเพียงต้องการจะเริ่มต้นกับคนใหม่ที่เค้าสนใจ แล้วเธอจะเอาอะไรไปห้ามเค้าได้

“ถ้าภูอยากลองคบกับเค้าดู เราเลิกกันก็ได้นะ” เสียงเรียบๆ เอ่ยขึ้น ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีการตัดพ้อใดๆ

“มันง่ายขนาดนั้นเลยหรออิง” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอได้ยินจากเค้า หัวใจที่เริ่มจะเข้มแข็งขึ้นก็เจ็บปวดอีกครั้ง

“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งคนที่เค้าไม่ได้รักเรา ไม่ใช่หรอภู”

เสียงวางโทรศัพท์ กับน้ำตาอีกหยดที่หยาดลงบนแก้มของหญิงสาว มือที่ไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้นเช็ดน้ำตาของเธอเอง เธอปล่อยให้มันไหล เธอทบทวนเรื่องราวดีๆที่เคยมีร่วมกัน เสียงคำอำลายังดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหูของเธอ คอยตอกย้ำถึงสถานะที่เปลียนไปโดยพริบตา ที่ทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน และแล้วเธอก็หมดสติลง

เสียดายวันดี ดี…เมื่อครั้งเรายังมีกัน
สุดท้าย…รักนั้นก็ลอยหลุดไป
อาจเป็นชะตาของเราที่ทำให้ต้องเสียใจ
เราห่างไกลทั้งที่ใจรักกัน

แม้ว่าฉันนั้นยังอยากจะขอรักนั้นคืนย้อนมา
ก็รู้ว่าสายเกินกว่าจะทำให้เป็นเหมือนดังเดิม
และคงไม่มีทางจะทำอะไรตามใจ

อยากเพียงหมุนเวลาให้
เดินกลับไปเหมือนในวันวาน
อยากจะขอ…เปลี่ยนผันเรื่องราวที่เคยเป็นไป
อยากกลับไปบอกเธอ…บอกว่าฉันเสียใจเพียงใด
และอยากจะขอ…ให้เธอรักฉันดังเดิม

อยากหมุนเวลา – เจ เจตริน

แสงแดดยามเช้าของวันอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องนอน ยามเช้าที่ไม่ค่อยสดใสนัก กับหยดน้ำตาที่หยาดลงบนแก้ม หญิงสาวยกมือขึ้นป้ายตาด้วยความงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่ยังคงรับรู้ได้ สร้างความแปลกใจให้กับเธอยิ่งนัก หรือตอนนี้จะยังเช้าเกินไป จริงๆแล้วช่วงเวลาแปดโมงเช้าอย่างนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาตื่นนอนของเธอ แต่ความรู้สึกแปลกๆ และเรื่องราวที่ได้รับทำให้เธอต้องรีบยกโทรศัพท์โทรไปหาคนที่คิดถึงทันที

“ฮัลโหลภู ตื่นยังอ่ะ” เสียงสดใสของอีกฝ่ายทำให้เธอแน่่ใจว่าเค้าตื่นและรับรู้แล้ว

“เป็นอะไรรึเปล่าอิง” เสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยเหมือนเดิม ทำให้เธอแน่ใจในเรื่องราวที่ได้รับ

“อิงฝันร้ายหน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ฝันว่าภูบอกเลิกกับอิงแหละ”

“โอ๋ๆ เด็กดี ไปนอนต่อนะ ก็แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง”

“งั้นไว้สิบโมง ภูโทรมาปลุกอิงอีกทีนะคะ ไปนอนแระ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มที่ดังขึ้น ทำให้เธอหลับฝันดีอีกครั้ง

Leave a comment